“หมวกสแกนสมองทารก” ส่องความผิดปกติสมองเด็กแรกเกิด ตั้งเป้าวินิจฉัยไวขึ้น

อุปกรณ์มีลักษณะเป็นหมวกสีดำขนาดเล็ก คล้ายหมวกว่ายน้ำ ติดตั้งเครื่องมือที่ติดตามการทำงานของสมองเด็กทารก โดยทีมวิจัยเผยว่าพวกเขาเป็นทีมแรกของโลก ที่ทดลองใช้เทคนิคใหม่ในการใช้แสงและคลื่นอัลตราซาวด์ร่วมกัน เพื่อตรวจสมองทารกแรกเกิด โดยคาดว่าตัวอุปกรณ์และเทคนิคดังกล่าว จะพร้อมใช้งานในโรงพยาบาลทั่วประเทศได้ ภายในทศวรรษนี้

ภาพจาก Reuters, BBC (Reutersconnect)

การบาดเจ็บทางสมองในทารกแรกเกิด เป็นสาเหตุหลักของความพิการตลอดชีวิต และอาจนำมาซึ่งภาวะเช่น โรคลมบ้าหมู ที่ทำให้เกิดอาการชัก หรือภาวะสมองพิการ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหว โดยส่วนใหญ่แล้วการบาดเจ็บทางสมองเช่นนี้ มักจะพบในการคลอดก่อนกำหนด หรือการขาดออกซิเจน การตกเลือด การติดเชื้อ หรือแม้แต่การบาดเจ็บจากการคลอด

สำหรับการทำงานของหมวก จะใช้เซ็นเซอร์วัดแสง เพื่อตรวจจับการเปลี่ยนแปลงของออกซิเจนรอบ ๆ พื้นผิวของสมอง ด้วยเทคนิคที่เรียกว่าการใช้แสงเอกซเรย์ที่มีความหนาแน่นสูง (high-density diffuse optical tomography) ร่วมกับการใช้คลื่นอัลตราซาวด์ ถ่ายภาพหลอดเลือดเล็ก ๆ ที่อยู่ลึกเข้าไปในสมอง โดยสิ่งที่ทำให้ผลงานนี้แตกต่างคือขนาดที่พกพาได้สะดวก ใช้สแกนสมองของเด็ก โดยที่เด็กยังนอนอยู่บนเปลได้แบบสบาย ๆ 

วิธีนี้อาจมีข้อได้เปรียบ เมื่อเทียบกับการสแกน MRI หรือการสร้างภาพด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า และการอัลตราซาวนด์กะโหลกศีรษะแบบเดิม ทั้งเรื่องของค่าใช้จ่ายและความพร้อมในการใช้งาน ที่ทำได้สะดวกกว่า

ทีมวิจัยหวังว่านวัตกรรมหมวกสแกนสมองนี้ หากได้นำไปทดสอบใช้กับทารกอย่างสม่ำเสมอ อาจจะช่วยให้แพทย์สามารถระบุปัญหาได้เร็วขึ้น และสามารถเริ่มการบำบัดรักษาเด็กทารกได้เร็วขึ้น ผลงานนี้ไม่เพียงแต่สามารถติดตามทารกที่มีปัญหาสุขภาพที่ทราบอยู่แล้วเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือคัดกรองเพื่อช่วยระบุทารกคนอื่น ๆ ที่อาจมีความเสี่ยงได้อีกด้วย