
สรุปข่าว
เฉลิมพล
ปุณโณทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีทีเอเชีย โรโบติกส์ จำกัด ผู้พัฒนาหุ่นยนต์
ดินสอ
กล่าวว่า
ปัจจุบันบริษัทได้ต่อยอดการพัฒนาหุ่นยนต์ดินสออย่างต่อเนื่อง
โดยล่าสุดบริษัทได้พัฒนาหุ่นยนต์ดินสอสามารถดมกลิ่นจากลมหายใจของคนและสามารถบอกได้ว่าคนนั้นเป็นโรคมะเร็งหรือไม่
โดยหุ่นยนต์ดินสอ สามารถวิเคราะห์กลิ่นของลมหายใจได้ภายใน 20 นาที
และในขณะนี้สามารถวิเคราะห์ผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งใน 2 โรค คือ
มะเร็งปอดและมะเร็งเต้านม
และในปีหน้าหุ่นยนต์ดินสอจะสามารถวินิจฉัยโรคมะเร็งได้อีก 4
ชนิด คือ มะเร็งตับ มะเร็งลำไส้ มะเร็งโพรงจมูก และมะเร็งถุงน้ำดี เป็นต้น
ทั้งนี้บริษัทอยู่ระหว่างการพัฒนาต่อยอดของหุ่นยนต์ดินสอ
โดยใช้เทคโนโลยีขั้นสูงมาช่วยในการวิจัยและพัฒนา อาทิ เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอ
เทคโนโลยีระบบรู้จำใบหน้า หรือ Face
recognition ระบบจดจำเสียง หรือ Voice recognition และ เซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิ Temperature sensor เป็นต้น
“หลังจากที่พัฒนาหุ่นยนต์ดินสอมาอย่างต่อเนื่องกว่า
10 ปี หุ่นยนต์ดินสอ นอกจากจะสามารถช่วยดูแลผู้สูงอายุ
และผู้ป่วยติดเตียงแล้ว ยังมีความสามารถในการดมกลิ่นลมหายใจของคน เพื่อวินิจฉัยโรคว่า
บุคคลนั้นเป็นโรคมะเร็งหรือไม่ และยังทีคุณสมบัติพิเศษอื่นๆ อาทิ สามารถแยกแยะได้ว่าวัตถุที่มองเห็นข้างหน้า
เป็นวัตถุสิ่งของ หรือ คน ในรัศมี 20 เมตร เป็นต้น” เฉลิมพล
กล่าว และว่า
ที่ผ่านมาบริษัทได้ส่งออกดินสอไปยังตลาดต่างประเทศคือ
ญี่ปุ่น และสวีเดน โดยญี่ปุ่น จะเน้นการส่งออกหุ่นยนต์ที่ช่วยดูแลผู้สูงอายุ
และในประเทศสวีเดน จะเป็นการส่งออกหุ่นยนต์เพื่อให้บริการในร้านอาหาร
เฉลิมพล
กล่าวว่า ตลาดหุ่นยนต์ เป็นตลาดที่มีศักยภาพอย่างมาก โดยเฉพาะ ช่วงการระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้บริษัทสามารถจำหน่ายหุ่นยนต์เพิ่มมากขึ้น 5 เท่า เนื่องจากมีความก้าวหน้าของเทคโนโลยี การกำหนดระยะห่างทางสังคม
และหุ่นยนต์ดินสอสามารถที่จะตอบโจทย์การกำหนดระยะห่างทางสังคม
โดยสามารถนำไปช่วยในการตรวจคัดกรองคนไข้ เป็นผู้ช่วยหมอ และพยาบาลในการตรวจคนไข้
ทั้งในโรงพยาบาลในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด เช่น จังหวัดพะเยา กระบี่ ชัยนาท สุพรรณบุรีและ
เชียงใหม่ เป็นต้น
“เริ่มพัฒนาศักยภาพของหุ่นยนต์ในแอเรียที่เราเลือกแซงคนอื่น ในมุมความเก่ง อีกมุมคือในมุมเชิงมารยาทหุ่นยนต์ ผมมองว่าเราเป็นหุ่นยนต์สัญชาติไทยคนไทยมีใจบริการมีความสุภาพมีความนอบน้อมหุ่นยนต์ก็เหมือนกันเช่นต้องไหว้ต้องก้มตัว
หรือจะต้องพูดให้ไพเราะไม่กระโชกโฮกฮากอันนี้ก็เป็นเสน่ห์ที่เราใส่เข้าไปในหุ่นยนต์ซึ่งแน่นอนชาติอื่นซึ่งเค้าไม่มีมารยาทแบบไทยเค้าอาจจะไม่ถนัดที่จะสร้างหุ่นยนต์ที่มีลักษณะอย่างนี้นี่ก็เป็นส่วนเสริมที่เราสร้าง
ความโดดเด่น และผมเชื่อว่า อีกภายในประมาณไม่เกินห้าปีมันจะเป็นภาพนั้นบ้านทุกบ้านที่มีผู้สูงอายุจะต้องมีหุ่นยนต์เพื่อความปลอดภัยเพื่อความสะดวกหลังจากนั้นก็จะขยายไปทุกบ้าน
บ้านที่มีทารก
บ้านที่มีสัตว์เลี้ยงก็จะเริ่มเข้ามาในชีวิตประจำวันเหมือนทุกยุคที่มีเทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามา”
เฉลิมพล กล่าว
ที่มาข้อมูล : -

TNNThailand