
สรุปข่าว
โกฐจุฬาลัมพา (Artemisia annua L.) สมุนไพรที่ได้รับความนิยมในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มานานนับพันปี ในสมัยก่อนมีการใช้สมุนไพรชนิดนี้เพื่อลดไข้และรักษาอาการเจ็บป่วยต่าง ๆ และจากงานวิจัยล่าสุดโกฐจุฬาลัมพามีฤทธิ์ในการต้านไวรัสได้
งานวิจัยนี้จัดทำขึ้นโดยนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัย Columbia University และ University of Washington สหรัฐอเมริกา เผยแพร่บนวารสาร Journal of Ethnopharmacology ซึ่งได้มีการศึกษาคุณสมบัติในการต้านไวรัส SARS-CoV-2 ต้นเหตุของโรค COVID-19 ในสมุนไพรโกฐจุฬาลัมพาทั้ง 7 สายพันธุ์จาก 4 ทวีปทั่วโลก
ในการสกัดสารสำคัญจากสมุนไพร นักวิทยาศาสตร์ใช้วิธีแบบดั้งเดิมคือการแช่ใบโกฐจุฬาลัมพาในน้ำร้อน (คล้ายการทำชา) จากนั้นนำน้ำที่ได้มาใช้ในการกำจัดไวรัส SARS-CoV-2 ที่อยู่ในเซลล์เพาะเลี้ยง ผลปรากฏว่ามันสามารถยับยั้งการเพิ่มจำนวนของไวรัสได้ อีกทั้งยังออกฤทธิ์ต่อไวรัส SARS-CoV-2 สายพันธุ์อัลฟา (สายพันธุ์อังกฤษ) และเบต้า (สายพันธุ์แอฟริกาใต้) ได้อย่างน่าเหลือเชื่อ
ที่มาของภาพ https://www.mdpi.com/1422-0067/21/14/4986/htm
แต่ที่น่าแปลกคือ ในตอนแรกนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าสาร Artemisinin (อาร์ทีมิสซินิน) ซึ่งเป็นสารตั้งต้นในการทำยาต้านมาลาเรีย และสาร Flavonoid (ฟลาโวนอยด์) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ น่าจะเป็นสารที่ออกฤทธิ์ต้านไวรัส อย่างไรก็ตาม หลังการทดลองใช้เพียง Artemisinin หรือ Flavonoid เพียงอย่างเดียวในการยับยั้งไวรัส สารเหล่านี้กลับไม่ออกฤทธิ์ตามที่คาด
นั่นหมายความว่าในโกฐจุฬาลัมพาน่าจะมีสารบางอย่างที่ยับยั้งไวรัสได้ เพียงแต่ยังไม่ทราบว่าสารชนิดนั้นคือสารใด อีกทั้งสารตัวนี้ยังอยู่ได้เป็นเวลานานในใบของโกฐจุฬาลัมพา เพราะนักวิทยาศาสตร์พบว่าการใช้ใบแห้งที่มีอายุกว่า 12 ปี ยังให้ฤทธิ์ในการต้านไวรัสได้เช่นกัน
การออกฤทธิ์ของสารในโกฐจุฬาลัมพา ไม่ได้ป้องกันให้ไวรัสเข้าสู่เซลล์ (แสดงว่ามันยังบุกรุกเซลล์ปอดของเราได้อยู่) แต่สารลึกลับนี้จะป้องกันไม่ให้ไวรัสที่เข้าเซลล์ไปแล้วสามารถเพิ่มจำนวนได้ อีกทั้งยังส่งผลให้ไวรัสตายในที่สุด ซึ่งนับว่าเป็นผลลัพธ์ที่ดีเลยทีเดียว
ที่มาของภาพ https://www.rfi.fr/en/africa/20200624-artemisia-shows-promise-against-covid-19-in-lab-tests-say-researchers
ทั้งนี้ การทดลองดังกล่าวเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในเซลล์เพาะเลี้ยง และในขณะนี้ยังไม่มีการศึกษาผลของน้ำจากโกฐจุฬาลัมพาเพื่อใช้ต้านไวรัส SARS-CoV-2 ในมนุษย์ นักวิทยาศาสตร์จึงยังไม่แนะนำให้ใช้เป็นยาต้านไวรัสในขณะนี้ แม้การทดลองในเซลล์เพาะเลี้ยงจะได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ แต่กลไกในร่างกายของมนุษย์มีความซับซ้อนมากกว่านั้น บางทีเมื่อคุณดื่มไปสารสำคัญอาจถูกทำลายไปในระหว่างทางเดินอาหาร หรือดื่มน้อยไปอาจไม่ออกฤทธิ์ต้านไวรัสเลย หรือดื่มมากไปอาจส่งผลกระทบต่ออวัยวะในร่างกายได้ด้วย
เพราะฉะนั้นจึงควรรอให้มีการศึกษาผลของสมุนไพรชนิดนี้ในมนุษย์เสียก่อน ซึ่งอาจใช้เวลาในการทดลองสักระยะหนึ่ง อย่างที่หลายคนทราบดีว่าการทดลองวัคซีนจะต้องผ่านขั้นตอนตั้งแต่ทดลองในเซลล์เพาะเลี้ยง ทดลองในสัตว์ ทดลองในคน และทดลองในคนหมู่มาก กว่าจะได้เป็นวัคซีนป้องกัน COVID-19 จนทุกวันนี้ ซึ่งการทดลองของโกฐจุฬาลัมพาก็ต้องผ่านขั้นตอนเหล่านี้เช่นเดียวกัน
ขอขอบคุณข้อมูลจาก WPI
- โควิด NB.1.8.1 เป็นสายพันธุ์หลักในไทยแล้ว มีแนวโน้มมากขึ้น
- สถานการณ์โควิดป่วยสะสมพุ่ง 2.5 แสนราย สายพันธุ์ NB.1.8.1 ระบาดแรง
- “หมอยง” เปิดข้อมูลโควิดสายพันธุ์ล่าสุดที่พบในกทม. ติดต่อง่าย แพร่กระจายเร็ว
- โควิดระบาด! รมว.สธ. เผยส่วนใหญ่เป็นสายพันธุ์ XEC ติดง่าย แต่หายไว
- เปิดเทอม! กรมการแพทย์แนะเฝ้าระวังห่วงเด็กเสี่ยงได้รับเชื้อโควิดเพิ่มขึ้น
- เตือน! เดือนพ.ค. สถานการณ์โควิดจะระบาดสูงสุด ก่อนตามด้วยโรคไข้หวัดใหญ่
- หน้ากากอนามัยไม่ขาดแคลน! เตือนคนขายฉวยโอกาสขึ้นราคา โทษหนัก
ที่มาข้อมูล : -
TNNThailand