ปล่อยแฟนเข้าสนาม! สั่งปรับ 'อุดรยูฯ & เมืองกาญจน์ฯ' จากแมตช์ ชปล. นัดล่าสุด

วันนี้ (19 ก.พ. 64) คณะกรรมการพิจารณาวินัยมารยาท นำโดย พล.ต.ท. อำนวย นิ่มมะโน เป็นประธานพิจารณากรณีเหตุการณ์ไม่ปกติของการแข่งขันฟุตบอลไทยลีก 3 รอบ ออมสิน ลีก เนชั่นนัล แชมเปี้ยนชิพ เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2564 ณ ห้องประชุมชั้น 1 ภายในที่ทำการสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ โดย คณะกรรมการพิจารณาวินัยมารยาทฯ มีบทลงโทษ ดังนี้

ในการแข่งขันกีฬาฟุตบอลลีกอาชีพรายการ “ออมสิน ลีก เนชั่นนัล แชมเปี้ยนชิพ” เกมที่ สโมสรอุดร ยูไนเต็ด เปิดบ้านต้อนรับ สโมสรพิษณุโลก เอฟซี เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2564 และเกมที่ สโมสรเมืองกาญจน์ ยูไนเต็ด เปิดบ้านต้อนรับ สโมสรราชประชา เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2564

คณะกรรมการพิจารณาวินัยมารยาท มีบทลงโทษ สโมสรอุดร ยูไนเต็ด และ เมืองกาญจน์ ยูไนเต็ด ในฐานะทีมเหย้า ได้มีการปล่อยให้มีผู้ชมเข้ามาในบริเวณสถานที่จัดการแข่งขัน เป็นการฝ่าฝืน และไม่ปฏิบัติตามคู่มือการปฏิบัติตามมาตรการผ่อนปรนกิจการและกิจกรรมด้านการกีฬาเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 การแข่งขันกีฬาฟุตบอล (แบบไม่มีผู้ชมในสนาม) แต่ข้อเท็จจริงมีผู้ชมเข้าไปในสนามแข่งขันปรากฏภาพเหตุการณ์อย่างชัดเจน จึงเป็นการฝ่าฝืนคู่มือดังกล่าว ทำให้มีความผิดความผิดกลุ่มที่ 3 ข้อ 1 การเตรียมสถานที่และอุปกรณ์ป้องกันโรค ข้อ 1.11 “จำกัดจำนวนผู้ที่สามารถเข้าไปภายในบริเวณสถานที่จัดการแข่งขันได้ไม่เกิน 250 คน โดยจะจำแนกแต่ละกลุ่มไว้ ซึ่งจะไม่มีผู้ชมเข้าไปในสนามแข่งขันได้” จึงปรับเงิน 10,000 บาท แต่เป็นการแข่งขันกีฬาฟุตบอลรายการ ไทยลีก 3 จึงลงโทษปรับเงินหนึ่งในสาม ปรับเงิน 3,333 บาท (สามพันสามร้อยสามสิบสามบาทถ้วน)

นอกจากนี้สโมสรอุดร ยูไนเต็ด ในฐานะทีมเหย้า ยังไม่สามารถป้องกันระงับเหตุไม่ให้ผู้ชมเข้าไปในสนามแข่งขัน ให้เป็นไปตามคู่มือการปฏิบัติตามมาตรการผ่อนปรนกิจการและกิจกรรมด้านการกีฬาเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 การแข่งขันกีฬาฟุตบอล (แบบไม่มีผู้ชมในสนาม) จนกระทั่งมีผู้ชมเข้าไปในสนามแข่งขันจำนวนมาก และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นภาพลบต่อการแข่งขันกีฬาฟุตบอลลีกอาชีพ เนื่องจากเป็นการแข่งขันแบบไม่มีผู้ชม และเป็นการสุ่มเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 มีความผิดตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษฯ บทที่ 3 หมวดที่ 2 ข้อ 5.3.18 (2) ปรับเงิน 20,000 บาท แต่เป็นการแข่งขันกีฬาฟุตบอลรายการ ไทยลีก 3 จึงลงโทษปรับเงินหนึ่งในสาม ปรับเงิน 6,666 บาท (หกพันหกร้อยหกสิบหกบาทถ้วน)