
เป็นข่าวใหญ่ทั่วโลก เมื่อสหรัฐฯ ประกาศยุติให้ความช่วยเหลือทางทหารทั้งหมดแก่ยูเครน หลังทั้ง 2 ฝ่ายปะทะกันอย่างดุเดือด ต่อหน้าสื่อเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา จนทำให้ข้อตกลงแร่หายากของทั้ง 2 ประเทศล่ม
คำถามต่อมาหลังจากนี้ คือ ยูเครนจะเป็นอย่างไรต่อไป เมื่อสหรัฐฯ หันหลังให้แล้ว หรือนี่จะเป็นการบีบยูเครนต้องพ่ายแพ้ให้กับรัสเซีย

สรุปข่าว
สหรัฐฯ ตัดความช่วยเหลือทางทหารยูเครน
วันนี้ (4 มีนาคม) เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว เผยว่า ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ตัดสินใจยุติมอบความช่วบเหลือทางทหารให้แก่ยูเครนแล้ว หลังจากที่เขาและประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน มีปากเสียงกัน ณ ห้องทำงานรูปไข่ เมื่อวันศุกร์ (28 กุมภาพันธ์) ที่ผ่านมา และยกเลิกการลงนามข้อตกลงแร่หายากของทั้ง 2 ฝ่ายไป
“ประธานาธิบดีของเราแสดงออกอย่างชัดเจนว่า เขาต้องการมุ่งเป้าไปที่สันติภาพ และเราต้องการให้พันธมิตรมุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมายนั้นด้วยเช่นกัน เราหยุดและทบทวนความช่วยเหลือของเรา เพื่อให้มั่นใจว่า มันจะมีส่วนช่วยในการแก้ปัญหา” ทำเนียบขาว แถลง
ทั้งนี้ ก่อนหน้าที่รัฐบาลสหรัฐฯ จะประกาศระงับการสนับสนุนทางทหารยูเครน “ทรัมป์” ได้โพสต์ผ่าน Truth Social ถึงแถลงการณ์ของประธานาธิบดียูเครน ที่ยอมรับว่า สันติภาพกับรัสเซียยังห่างไกล
"อเมริกาจะไม่ทนอีกต่อไปแล้ว เซเลนสกีไม่ต้องการสันติภาพ ตราบเท่าที่อเมริกาและยุโรปยังสนับสนุนยูเครนอยู่...เซเลนสกีเองก็ยอมรับว่า ยูเครนจะสู้รบกับรัสเซียต่อไปไม่ได้ ถ้าขาดการช่วยเหลือจากสหรัฐฯ” ทรัมป์ กล่าว
“เราจะอยู่รอดได้ไม่นาน”
ก่อนหน้านี้ “เซเลนสกี” ได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว NBC ว่า ยูเครนมีโอกาสรอดน้อยมาก ๆ หากปราศจากความช่วยเหลือจากสหรัฐฯ ยูเครนเสี่ยงต่อการถูกโจมตีครั้งใหญ่จากรัสเซีย
“เรามีโอกาสรอดน้อยมาก ๆ หากปราศจากความช่วยเหลือจากสหรัฐฯ” เซเลนสกี กล่าว
“ผมไม่อยากคิดถึงเรื่องนี้ การต่อสู้กับรัสเซีย โดยไม่ได้รับความช่วยเหลือจากอเมริกา...ผมไม่อยากคิดว่า เราจะไม่ใช่พันธมิตรทางยุทธศาสตร์” เขา กล่าว
เซเลนสกี กล่าวด้วยว่า ยูเครนจะเสี่ยงต่อการถูกโจมตีครั้งใหญ่จากรัสเซีย หากสหรัฐฯ ไม่ให้ความช่วยเหลือทางทหารอีกต่อไป ประธานาธิบดีปูตินต้องการเจรจาบนโต๊ะ ไม่ใช่เพราะต้องการยุติสงคราม แต่เพื่อให้ได้ข้อตกลงหยุดยิง ที่จะทำให้ยกเลิกการคว่ำบาตรจากนานาชาติ และเปิดโอกาสให้มีการเตรียมกลุ่มทหารใหม่อีกครั้ง
“นี่เป็นสิ่งที่ปูตินต้องการจริง ๆ เขาต้องการหยุด, เตรียมตัว, ฝึกฝน และยกเลิกการคว่ำบาตรบางข้อ เพื่อแลกกับการหยุดยิงและอื่น ๆ ” เซเลนสกี กล่าว
ยูเครนจะอยู่ได้แค่ 6 เดือน-คลังอาวุธอาจอยู่ได้ถึงแค่กลางปี
พลโท อิฮอร์ โรมาเนนโก อดีตรองหัวหน้าเสนาธิการกองทัพยูเครน กล่าวกับสำนักข่าว Al Jaeera ว่า ยูเครนจะอยู่ได้เพียงแค่ 6 เดือนเท่านั้น หากสหรัฐฯ ตัดการช่วยเหลือ
โรมาเนนโก ชี้ให้เห็นถึงภาพล่วงหน้าของยูเครนว่าจะเป็นอย่างไร หากสหรัฐฯ ไม่ให้ความช่วยเหลือแล้ว โดยเมื่อปี 2024 งบประมาณความช่วยเหลือยูเครน 6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ อนุมัติล่าช้าเป็นเวลาหลายเดือน ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการตอบสนองของนักการเมืองจากพรรครีพับลิกัน
ระหว่างนั้น ยูเครนต้องสูญเสียจุดยุทธศาสตร์สำคัญหลายแห่ง บนพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงใต้ในภูมิภาคดอนบาส รวมถึงชีวิตทหารอีกหลายพันนาย
“เราได้เห็นแล้วว่า เกิดอะไรขึ้นบ้างจากการระงับความช่วยเหลือนานถึง 6 เดือน” โรมาเนนโก กล่าว
นิโคไล มิโตรคิน นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเบรเมิน ประเทศเยอรมนี กล่าวว่า ปริมาณการใช้คลังอาวุธจากสหรัฐฯ ของยูเครนจะหมดเร็วเมื่อไหร่ ขึ้นอยู่กับว่า ทหารเหล่านี้จำเป็นต้องใช้ต่อสู้มากน้อยแค่ไหน
การโจมตีทางอากาศอย่างต่อเนื่องของรัสเซีย บีบบังคับให้ยูเครนจำเป็นต้องใช้ขีปนาวุธแพตทริออต ซึ่งผลิตในสหรัฐฯ เพื่อป้องกันการโจมตีทางอากาศ
มิโตรคิน กล่าวว่า ขีปนาวุธแพตทริออตมีมูลค่าหลายล้านดอลลาร์ แต่มักถูกใช้ไปกับเป้าหมายที่สิ้นปลืองอย่าง โดรนชาเฮดจากอิหร่าน หรือ โดรนจำลองที่ผลิตในรัสเซีย พร้อมคาดว่า คลังอาวุธสหรัฐฯ ที่มีอยู่จะอยู่ได้ยาวสุดช่วงเดือนกรกฏาคม-กันยายน
ยุโรปแทนที่สหรัฐฯ ไม่ได้
ด้วยการให้ความช่วยเหลือที่ไม่แน่นอนของสหรัฐฯ ยุโรปจึงต้องเผชิญกับแรงงานดันอย่างมาก เพื่อมาเติมเต็มช่องว่างการช่วยเหลือที่เกิดขึ้นนี้
ขณะเดียวกัน ระหว่างการประชุมความมั่นคงมิวนิก ซึ่งจัดขึ้นวันที่ 14-16 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เซเลนสกีได้แสดงท่าทีตอบสนองต่อการกระทำของทรัมป์ โดยเสนอแนะว่า ยุโรปจำเป็นต้องสร้างกองทัพของตนเอง พร้อมเตือนว่า สหรัฐฯ อาจจะปฏิเสธให้ความช่วยเหลือกับยุโรป แม้ว่ายุโรปจะต้องตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย
ถึงจะมียุโรปคอยให้ความช่วยเหลือยูเครน แม้ความกังวลเรื่องการช่วยเหลือจากสหรัฐฯ จะเพิ่มขึ้น แต่ต้องยอมรับว่า ความช่วยเหลือจากยุโรปนั้นอาจไม่เพียงพอ
โรมาเนนโก กล่าวว่า ยูเครนต้องการความช่วยเหลือมากกว่าที่ยุโรปจะสามารถให้ได้
“ยุโรปไม่สามารถแทนที่ความช่วยเหลือจากอเมริกาได้...ยูเครนจะอยู่รอดได้ไม่นาน หากไม่มีความช่วยเหลือและการคาดการณ์ทางทหารจากสหรัฐฯ” พลโท โรมาเนนโก กล่าว
นอกจากความช่วยเหลือที่อาจไม่เพียงพอ บางประเทศในยุโรปก็อาจตัดสินใจไม่ช่วยเหลือยูเครนด้วยเช่นกัน
วิกเตอร์ ออร์บัน นายกรัฐมนตรีฮังการี และโรเบิร์ต ฟิโก นายกรัฐมนตรีสโลวาเกีย ไม่สนับสนุนความช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครนอย่างเต็มที่ และอาจจะขัดขวางยุโรปไม่ให้ทำการตัดสินใจเกี่ยวกับเรื่องนี้
ขณะที่ พรรคฝ่ายขวาอย่าง พรรคทางเลือกเพื่อเยอรมนี หรือ AfD ในเยอรมนี ก็ชนะเลือกตั้งที่ผ่านมา ซึ่งอาจจะทำให้ยุโรปตัดสินใจส่งความช่วยเหลือไปยังยูเครนยากขึ้น
ทั้งนี้ พรรค AfD คัดค้านนโยบายผู้อพยพ, สหภาพยุโรป บ่อยครั้งก็สนับสนุนปูติน จึงทำให้เกิดความกังวลว่า หากพรรคมีอำนาจมากขึ้น เยอรมนีอาจจะหยุดส่งความช่วยเหลือให้กับยูเครน และผลักดันผู้อพยพจากประเทศนี้กลับบ้านเกิด
แม้ยุโรปตัดสินใจเพิ่มการสนับสนุนความช่วยเหลือ แต่ก็ต้องเผชิญกับความท้าทายในการขยายการผลิตอาวุธและยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ ซึ่งรัสเซียสามารถผลิตอาวุธทางทหารได้รวดเร็วกว่ากลุ่มประเทศนาโต รวมถึงยังมีความช่วยเหลือด้านอาวุธและทหารจากเกาหลีเหนือด้วย
ถ้ายูเครนแพ้ จะเป็นอย่างไร ?
สถาบันอเมริกันเอ็นเตอร์ไพรส์ หรือ AEI รายงานว่า หากรัสเซียชนะสงครามในยูเครน สหรัฐฯ จำเป็นต้องใช้งบประมาณเพิ่มมากขึ้นอีกถึง 8.08 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2029 เพื่อป้องกันภัยคุกคามเพิ่มเติมจากรัสเซีย
สิ่งนี้จะทำให้กระทรวงกลาโหมต้องเพิ่มงบประมาณเป็น 5.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ จาก 4.4 ล้านล้านดอลาร์สหรัฐ จากแผนเดิมที่เคยวางไว้
รายงานฉบับนี้ เผยด้วยว่า ชัยชนะของรัสเซียจะเปลี่ยนความมั่นคงของยุโรป และสนับสนุนให้รัสเซียท้าทายประเทศนาโต โดย AEI เรียกร้องให้สหรัฐฯ ช่วยเหลือยูเครน เพื่อหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นกับอเมริกาในอนาคต
ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้กระทบกับเศรษฐกิจของสหรัฐฯ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และเมื่อสหรัฐฯ เป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่สุดของโลก แน่นอนว่า ย่อมส่งผลกระทบเป็นวงกว้างไปทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศพันธมิตรของอเมริกา ที่พึ่งพิงความช่วยเหลือ อาจหวั่นว่า พวกเขาจะถูกทอดทิ้งแบบยูเครนหรือไม่
ขณะที่ ไทยเอง ก็อาจจะได้รับผลกระทบโดยตรงในแง่ทางเศรษฐกิจ เนื่องจาก สหรัฐฯ เป็นคู่ค้ากับประเทศไทยมาอย่างยาวนาน
ปี 2567 สหรัฐฯ เป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 ของไทย อยู่ที่ 54,956 ล้านดอลลาร์ คิดเป็น 18% ของมูลค่าส่งออกทั้งหมด ส่วนการนำเข้าอยู่อันดับที่ 4 ของไทย มีมูลค่าอยู่ที่ 19,528 ล้านดอลลาร์
เรื่องนี้ เป็นสิ่งที่ไทยต้องจับตามองอย่างใกล้ชิดต่อไป ว่าจะดำเนินไปทิศทางไหน เพื่อรับมือกับสถานการณ์โลกที่ผันผวนมากขึ้นเรื่อย ๆ
แหล่งข้อมูลอ้างอิง:
https://ubn.news/if-ukraine-loses-the-war-it-will-cost-the-us-dearly/
https://www.thansettakij.com/economy/trade-agriculture/617469
ที่มาข้อมูล : Reuters, NBC News, Al Jazeera, UBN News, Thansettakij
ที่มารูปภาพ : Reuters

พรวษา ภักตร์ดวงจันทร์