เปิดประวัติ “ผู้กำกับโจ้” เส้นทางชีวิต อดีตนายตำรวจดาวรุ่ง สู่จุดจบในเรือนจำ

⸻

คดีคลุมถุงดำ จุดเปลี่ยนของชีวิต

วันที่ 22 สิงหาคม 2564 สังคมไทยต้องตกตะลึงเมื่อมีการเผยแพร่คลิปวิดีโอที่แสดงให้เห็นว่า ผู้กำกับโจ้ และลูกน้องใช้ถุงดำคลุมศีรษะผู้ต้องหาคดียาเสพติดระหว่างสอบสวนในห้องสืบสวน สภ.เมืองนครสวรรค์ ซึ่งนำไปสู่การเสียชีวิตของผู้ต้องหา

เหตุการณ์นี้กลายเป็นประเด็นร้อนแรงในสังคมและจุดชนวนให้เกิดการสืบสวนโดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นำไปสู่การจับกุมและดำเนินคดี พ.ต.อ.ธิติสรรค์ ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

⸻

การพิจารณาคดี และโทษจำคุก

ภายหลังจากการจับกุมและดำเนินคดี ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้ลงโทษประหารชีวิต แต่มีการลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต เนื่องจากผู้กำกับโจ้รับสารภาพในชั้นศาล

หลังจากนั้น เขาถูกควบคุมตัวที่เรือนจำกลางคลองเปรม ซึ่งเป็นเรือนจำสำหรับนักโทษเด็ดขาด โดยได้รับการแยกขังจากผู้ต้องขังทั่วไป เนื่องจากสถานะของเขาเป็นอดีตข้าราชการตำรวจ ซึ่งอาจมีความเสี่ยงต่อความปลอดภัย

⸻

ปมการเสียชีวิตในเรือนจำ

เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2568 กรมราชทัณฑ์ออกแถลงการณ์ว่า “ผู้กำกับโจ้” เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายในห้องขังภายในเรือนจำคลองเปรม

ราชทัณฑ์ระบุว่า เขามีอาการป่วยทางจิตเวชประเภท “วิตกกังวล” (Anxiety Disorder) และมีพฤติกรรมหวาดระแวงกลัวถูกทำร้ายจากผู้ต้องขังรายอื่น นอกจากนี้ยังมีโรคประจำตัว ได้แก่ ภาวะหัวใจสั่น (Essential tremor) และไขมันในเลือดสูง (Dyslipidemia)

คืนก่อนเสียชีวิต เจ้าหน้าที่ได้เข้าไปแจกจ่ายยาให้ในเวลาประมาณ 20.25 น. พบว่าเขานั่งหลังพิงประตูห้องขัง แต่ไม่ตอบรับเสียงเรียก เจ้าหน้าที่จึงรีบแจ้งพัศดีและพยาบาลมาตรวจสอบ ก่อนจะพบว่าเขาเสียชีวิตแล้ว

จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด ไม่พบผู้ใดเข้า-ออกห้องขังในช่วงเวลาดังกล่าว ซึ่งทำให้ราชทัณฑ์สรุปว่าเป็นการฆ่าตัวตาย

⸻

บทสรุปชีวิต “ผู้กำกับโจ้” จากนายตำรวจดาวรุ่งสู่จุดจบในเรือนจำ

เส้นทางชีวิตของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล เป็นเรื่องราวที่สะท้อนให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในโลกของข้าราชการตำรวจ จากผู้ที่เคยเป็นดาวรุ่ง มีอนาคตไกลในอาชีพการงาน กลับต้องเผชิญกับวิกฤติชีวิตจากการกระทำของตนเอง

แม้ว่าเหตุการณ์การเสียชีวิตของเขาจะถูกระบุว่าเป็นการฆ่าตัวตาย แต่ยังคงมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์และข้อสงสัยจากสังคมเกี่ยวกับรายละเอียดของเหตุการณ์นี้

คดีของผู้กำกับโจ้จะเป็นอีกหนึ่งบทเรียนสำคัญสำหรับวงการตำรวจไทย และเป็นเครื่องเตือนใจว่า อำนาจในมือของเจ้าหน้าที่รัฐ หากถูกใช้ในทางที่ผิด อาจนำไปสู่จุดจบที่ไม่มีวันหวนกลับได้