
ถ้าเอ่ยถึงชื่อ “เขากระโดง” กับ “สนามกอล์ฟอัลไพน์” หลายคนคงจำได้ดี เพราะสองคดีนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็น “ของเก่า” ที่ถูกขุดขึ้นมาใหม่ในเวทีอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล โดยเฉพาะเมื่อมีการพาดพิงว่า รัฐบาลอาจ “เอื้อประโยชน์” หรือมี “ดีลแลกเปลี่ยน” เบื้องหลังที่ดินสองแปลงนี้
สรุปข่าว
ถ้าเอ่ยถึงชื่อ “เขากระโดง” กับ “สนามกอล์ฟอัลไพน์” หลายคนคงจำได้ดี เพราะสองคดีนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็น “ของเก่า” ที่ถูกขุดขึ้นมาใหม่ในเวทีอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล โดยเฉพาะเมื่อมีการพาดพิงว่า รัฐบาลอาจ “เอื้อประโยชน์” หรือมี “ดีลแลกเปลี่ยน” เบื้องหลังที่ดินสองแปลงนี้
แต่คำถามคือ...เรื่องนี้มี “มูล” หรือแค่ “มุข” การเมือง?
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ลุกขึ้นชี้แจงในสภาอย่างตรงไปตรงมา ว่า “ไม่มีใครมาแบ่งผลประโยชน์อะไรได้” เพราะกระทรวงมหาดไทย “ไม่ใช่กิจการครอบครัวใคร” พร้อมย้ำว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นก่อนรัฐบาลชุดนี้ และกระบวนการที่เกี่ยวข้องก็เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายล้วนๆ
พูดง่ายๆ คือ “ไม่มีใครมาแทรกแซงอะไรได้” เพราะศาลก็ตัดสินไปแล้ว หน่วยงานราชการก็ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ ส่วนเรื่องใครจะได้หรือเสียประโยชน์ ก็ต้องไปว่ากันที่ศาล ไม่ใช่โยนบาปให้รัฐบาล
(“ถ้ามีใครได้ประโยชน์จากการเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ของสนามกอล์ฟอัลไพน์ ก็ไม่ใช่ใครอื่น นอกจากประชาชนที่ได้รับผลกระทบ”)
สิ่งที่น่าสนใจคือ นายกรัฐมนตรีเองก็อาจเป็น “ผู้เสียหาย” เพราะบ้านที่อยู่ในโครงการเดียวกันก็โดนเพิกถอนสิทธิ์เหมือนกัน จะไปบอกว่า “นายกฯ เอื้อประโยชน์ให้ตัวเอง” มันก็ดูจะย้อนแย้งอยู่ไม่น้อย
อีกด้าน ที่ดิน “เขากระโดง” ก็มีคำตอบจากกรมที่ดินแล้วว่า “ไม่มีเหตุผล” ให้เพิกถอนเอกสารสิทธิ์ แม้ รฟท.จะยังคงถือสิทธิ์อยู่ ก็ต้องไปจัดการกันในกรอบของกฎหมาย ไม่ใช่ในสนามอภิปราย
เพราะฉะนั้น การลากสองคดีนี้มาพาดพิงกันว่าอาจมี “ดีลลับ” หรือ “แลกหมัดทางการเมือง” จึงดูจะเป็น “การตีความเกินจริง” มากกว่าจะเป็นข้อเท็จจริงที่จับต้องได้
แน่นอนว่า ในเวทีการเมือง ทุกฝ่ายย่อมต้องการ “จุดอ่อน” เพื่อสร้าง “กระแส” แต่ประชาชนควรคิดให้รอบด้าน ว่าเรื่องไหนคือ “สาระ” และเรื่องไหนคือ “ศิลปะของการเบี่ยงประเด็น”
อย่าลืมว่า การจัดการที่ดินในประเทศนี้ไม่เคยง่าย เพราะมีทั้งประวัติศาสตร์ ความผิดพลาดในอดีต และระบบราชการที่ซับซ้อน แต่การแก้ไขปัญหาเหล่านี้ ไม่ได้หมายความว่ารัฐบาลจะต้องรับผิดชอบในทุกสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้า
(“บางเรื่องมันเป็นปมเก่า ที่ต้องแก้ด้วยมือใหม่ ไม่ใช่ใช้เพื่อโจมตีมือปัจจุบัน”)
ทั้งหมดนี้จึงชวนให้คิดว่า การอภิปรายที่ดีควรช่วยกันหาทางออก มากกว่าหาทางล้มกัน
- ‘แพทองธาร’ รอดศึกซักฟอก สะท้อนจุดอ่อนฝ่ายค้านไทยยุคนี้ จริงหรือ?
- หลังมติไว้วางใจ แพทองธาร อะไรจะเกิดขึ้นหลังจากนี้?
- นายกฯ ย้ำยังไม่มีการปรับครม. - ต่อจากนี้ขอทำงานเต็มที่
- สส.แปรพักตร์ 7 เสียงสวนมติฝ่ายค้าน สะเทือนเกมในสภาฯ?
- อภิปรายไม่ไว้วางใจ 2568 นายกฯ ยืนยันทุกคะแนนเสียง จะเป็นพลังให้มุ่งมั่นทำงานเพื่อประชาชน
- ผลการลงมติ 'อภิปรายไม่ไว้วางใจ' นายกฯ แพทองธาร 2568
- เช็กเสียงโหวตนายกฯ ก่อนลงมติวันนี้ ฝ่ายค้าน-ฝ่ายรัฐบาล มีเสียงสส. มากน้อยแค่ไหน?
บรรณาธิการออนไลน์
