
TNN รวบรวมข้อมูลเหตุแผ่นดินไหวต่อเนื่องในเมียนมากว่า 50 ครั้งในรอบ 3 วัน พบแรงสั่นสะเทือนข้ามแดนถึงภาคเหนือของไทยหลายจุด แนะจับตาแนวรอยเลื่อนสำคัญ
เมื่อแรงสั่นไหวไม่จบในวันเดียว
ช่วงระหว่างวันที่ 18–20 เมษายน 2568 ประเทศเมียนมาเกิดเหตุแผ่นดินไหวต่อเนื่องกว่า 50 ครั้งภายในเวลาเพียง 72 ชั่วโมง โดยมีบางจุดวัดแรงสั่นสะเทือนได้สูงถึง 4.4 แมกนิจูด และบางเหตุการณ์ลึกเพียง 2 กิโลเมตร ทำให้แรงสั่นไหวส่งผลกระทบข้ามแดน มายังพื้นที่ตอนบนของประเทศไทย โดยเฉพาะจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ และเชียงราย
การเกิดแผ่นดินไหวในช่วงเวลาดังกล่าวไม่ใช่เพียงแค่ “เหตุการณ์เฉพาะ” หากแต่เป็นสัญญาณของแรงเคลื่อนตัวตามแนวรอยเลื่อนหลัก ที่อาจสะสมพลังงานและส่งผลต่อพื้นที่โดยรอบในอนาคตได้

สรุปข่าว
3 วัน 50 ครั้ง เมียนมาเขย่าไม่หยุด
TNN รวบรวมข้อมูลจากกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า ระหว่างวันที่ 18–20 เม.ย. 2568 เกิดแผ่นดินไหวในประเทศเมียนมารวมกว่า 50 ครั้ง จุดศูนย์กลางส่วนใหญ่อยู่ทางตอนใต้และตะวันออกของเมียนมา โดยเฉพาะในพิกัด 19–22 องศาเหนือ และ 96–98 องศาตะวันออก ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากพรมแดนไทย
ขนาดของแผ่นดินไหวส่วนใหญ่มีตั้งแต่ 1.7 – 4.4 แมกนิจูด โดยเหตุการณ์ที่แรงที่สุดเกิดขึ้นในช่วงเช้ามืดวันที่ 19 เมษายน วัดได้ 4.4 แมกนิจูด ลึก 10 กิโลเมตร ซึ่งเป็นระดับที่สามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจนในหลายพื้นที่ใกล้จุดศูนย์กลาง
แม่ฮ่องสอน-เชียงใหม่ รับแรงสะเทือน
แรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวในเมียนมา ได้แผ่ขยายเข้ามาถึงหลายอำเภอของจังหวัดชายแดนไทย โดยเฉพาะแม่ฮ่องสอน ซึ่งมีรายงานแผ่นดินไหวขนาดเล็กในพื้นที่ของตนเองด้วย เช่น ที่อำเภอปาย แม่สะเรียง และแม่ฮี้ ขนาด 1.9–2.3 แมกนิจูด ความลึกเพียง 1–2 กิโลเมตร แม้จะไม่มีความเสียหาย แต่เป็นจุดที่ชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมโยงของแรงเคลื่อนตัวใต้ผืนดิน
ที่อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ และอำเภอแม่ลาว จังหวัดเชียงราย ยังพบการสั่นไหวระดับเบาเช่นกัน ประชาชนบางส่วนระบุว่า รู้สึกถึงแรงสั่นโดยเฉพาะในช่วงเวลากลางคืนหรือเช้ามืด
รอยเลื่อนสะสมพลัง ?
นักธรณีวิทยาเตือนว่า แผ่นดินไหวที่เกิดถี่ อาจสะท้อนถึงการสะสมพลังงานตามแนวรอยเลื่อนสำคัญที่พาดผ่านพรมแดนไทย-เมียนมา เช่น รอยเลื่อนแม่จัน รอยเลื่อนพะเยา และรอยเลื่อนสะแกกรัง ซึ่งอาจนำไปสู่แผ่นดินไหวขนาดใหญ่ในอนาคต
แม้แรงสั่นสะเทือนในปัจจุบันยังไม่รุนแรงมากนัก แต่ก็เพียงพอที่จะเป็นสัญญาณเตือนภัยที่ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
บทเรียนจากตึกถล่ม ไทยพร้อมแค่ไหน?
จากเหตุการณ์ตึก สตง. ถล่มเมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ประเด็นการตรวจสอบความแข็งแรงของอาคารในพื้นที่เสี่ยงกลับมาได้รับความสนใจอีกครั้ง หลายฝ่ายตั้งคำถามถึงความพร้อมของระบบเตือนภัย และมาตรฐานความปลอดภัยของสิ่งปลูกสร้างในเขตแนวรอยเลื่อน
แรงสั่นสะเทือนข้ามแดนจากเมียนมาครั้งนี้ ยิ่งตอกย้ำถึงความจำเป็นของการปรับปรุงระบบแจ้งเตือนแผ่นดินไหว เช่น ระบบ SMS เตือนภัยที่ยังต้องขยายความครอบคลุมและความแม่นยำ
ทางรอดคือการรู้ทัน
หน่วยงานด้านภัยพิบัติของไทย เช่น ปภ. และกรมอุตุนิยมวิทยา แนะนำประชาชนในพื้นที่เสี่ยงให้มีการเตรียมพร้อม เช่น ตรวจสอบสภาพบ้านเรือน หลีกเลี่ยงอยู่ในอาคารสูงขณะเกิดแรงสั่น และเรียนรู้วิธีปฏิบัติตนอย่างถูกต้องเมื่อเกิดเหตุ
เพราะ “ภัยเงียบ” อย่างแผ่นดินไหว อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา แต่หากเตรียมพร้อมล่วงหน้า ก็ลดความเสียหายได้มหาศาล
ที่มาข้อมูล : TNN
ที่มารูปภาพ : TNN / Freepik
บรรณาธิการออนไลน์