5 มาตรการ EXIM BANK แค่เยียวยาเฉพาะหน้า หรือวางรากส่งออกระยะยาว?

EXIM BANK กับบทบาท "กันชนเศรษฐกิจ" ความท้าทายเชิงนโยบายในสมรภูมิภาษีโลก

ในโลกที่เต็มไปด้วยแรงเสียดทานทางการค้า มาตรการภาษีแบบตอบโต้ของสหรัฐฯ กำลังกลายเป็นคลื่นลูกใหม่ที่ถาโถมใส่เศรษฐกิจประเทศคู่ค้า และแน่นอนว่า “ไทย” ก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงแรงกระแทกนี้ได้

เมื่อเศรษฐกิจโลกไร้พรมแดน แต่กำแพงภาษีถูกตั้งขึ้นจากการเมืองในประเทศหนึ่งไปยังอีกประเทศหนึ่ง คำถามสำคัญคือ: ประเทศไทยพร้อมแค่ไหนกับการตั้งรับ และที่สำคัญกว่านั้น—พร้อมเดินเกมรุกหรือยัง?


5 มาตรการ EXIM BANK แค่เยียวยาเฉพาะหน้า หรือวางรากส่งออกระยะยาว?

สรุปข่าว

EXIM BANK ออก 5 มาตรการช่วยเหลือผู้ส่งออกไทยที่ได้รับผลกระทบจากภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ ครอบคลุมทั้งการเงิน การคุ้มครองความเสี่ยง และขยายตลาดใหม่ให้ SMEs กว่า 3,700 ราย โดยรัฐบาลตั้งใจใช้ EXIM เป็นกลไกขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การค้าใหม่ในเวทีโลก

🔍 EXIM BANK: "กันชนเฉพาะกิจ" หรือ “กลไกถาวร”?

มาตรการ 5 ข้อที่ EXIM BANK ประกาศออกมาในฐานะหน่วยงานรัฐเฉพาะกิจ ดูผิวเผินอาจเหมือนการ “บรรเทาฉุกเฉิน” แต่หากมองลึกไปถึงบริบทนโยบายของรัฐบาล จะเห็นได้ว่าการขยับตัวของ EXIM ครั้งนี้ ไม่ใช่แค่การซับน้ำตาให้ผู้ประกอบการ แต่เป็นการยกระดับบทบาทของสถาบันการเงินเฉพาะกิจให้มีพลังมากขึ้น ในการเชื่อมโยงภาคธุรกิจ SMEs เข้ากับบริบทการค้าโลกที่เปลี่ยนแปลง

มาตรการอย่าง Export Clinic การปล่อยสินเชื่อสำหรับงานแสดงสินค้า และการคุ้มครองความเสี่ยงด้านการชำระเงินจากคู่ค้าต่างประเทศ ล้วนแสดงให้เห็นถึงความพยายามวาง “โครงสร้างสนับสนุน” ที่มากกว่าแค่การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า และหากรัฐเดินหน้าได้ไกลกว่านี้ ก็มีโอกาสพัฒนาเป็น ระบบนิเวศทางการค้าที่รัฐเป็นผู้ขับเคลื่อนหลัก ที่แข็งแรง

🌐 การเมืองเศรษฐกิจโลก: ความเสี่ยงที่รัฐไทยต้องเลิกมองแบบ "ฉุกเฉิน"

วิกฤตภาษีสหรัฐฯ เป็นเพียงฉากหนึ่งในภาพใหญ่ของความปั่นป่วนทางการค้าโลก ซึ่งจะยังดำเนินต่อไปไม่ว่ารัฐบาลในวอชิงตันจะเป็นใคร เราจึงต้องตั้งคำถามว่า แนวนโยบายของไทยยังอยู่ในเฟสตั้งรับแบบเฉพาะกิจหรือเริ่มขยับเข้าสู่แผนระยะยาวเพื่อพลิกเกมแล้ว

รัฐควรเร่งพัฒนาแนวทาง Diversification เพื่อลดการพึ่งพาตลาดส่งออกแบบกระจุก โดยให้ EXIM BANK เป็นหัวเรือในการแทรกซึมเชิงรุกสู่ตลาดศักยภาพใหม่ เช่น แอฟริกา เอเชียกลาง และตะวันออกกลาง ที่ยังเปิดกว้างแต่ถูกละเลย

⚙️ บทเรียนเชิงระบบ: ไทยต้องมี “ยุทธศาสตร์การส่งออก” ที่ยืดหยุ่นและหลากหลาย

ข้อมูลจาก สสว. ระบุว่า ผู้ประกอบการ SMEs ไทยราว 3,700 ราย ได้รับผลกระทบโดยตรงจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ คิดเป็นมูลค่าการส่งออกกว่า 7,600 ล้านดอลลาร์ จุดนี้สะท้อนความเปราะบางของโครงสร้างการค้าไทยที่ยังพึ่งพาตลาดเดิมอยู่มาก

ภาครัฐจึงควรเดินหน้าออกแบบ National Export Resilience Framework เพื่อปรับระบบตั้งแต่ระดับข้อมูล ไปจนถึงบริการทางการเงิน-การจับคู่ธุรกิจ และควรมีระบบเตือนภัยล่วงหน้า ที่ผูกกับเครือข่ายการค้าโลกอย่างแท้จริง

------------

EXIM BANK อาจเริ่มต้นจากการเป็นกันชนในสถานการณ์เฉพาะหน้า แต่หากภาครัฐสามารถต่อยอดภารกิจนี้ให้กลายเป็น “กลไกเชิงยุทธศาสตร์” ได้อย่างจริงจัง ประเทศไทยจะมีเครื่องมือใหม่ที่ไม่เพียงลดแรงเสียดทานจากโลกภายนอก แต่ยังผลักดันผู้ประกอบการไทยให้เติบโตในตลาดใหม่ๆ ได้อย่างมั่นคงและมีศักยภาพ

ที่มาข้อมูล : TNN เรียบเรียง

ที่มารูปภาพ : Freepik