ขวางรถพยาบาล = ผิดกฎหมาย 3 ฉบับ เปิดบทลงโทษจากจราจรถึงอาญา

ขวางรถพยาบาล = ผิดกฎหมาย 3 ฉบับ เปิดบทลงโทษจากจราจรถึงอาญา

เสียงไซเรนก้องถนนไม่ใช่แค่สัญญาณของความเร่งด่วน แต่คือเสียงเรียกชีวิตที่กำลังรอความช่วยเหลือ ทว่าความจริงบนถนนไทยกลับสะท้อนให้เห็นอีกด้านหนึ่ง—เสียงไซเรนที่ถูกละเลย รถฉุกเฉินที่ถูกขวางทาง และผู้ป่วยที่ต้องสิ้นลมหายใจเพราะวินาทีที่ถูกช่วงชิงไปอย่างไร้ค่า

กฎหมายไทยวางหลักการชัดเจนว่าทุกคนต้องหลีกทางให้รถฉุกเฉิน และมีบทลงโทษทางอาญารองรับหากการเพิกเฉยนั้นนำมาซึ่งความสูญเสีย แต่คำถามคือ เหตุใดบทบัญญัติที่มีอยู่จึงดูไร้น้ำหนักในทางปฏิบัติ? บทเรียนจากกรณีแท็กซี่ขวางรถพยาบาลที่ภูเก็ตครั้งนี้ กำลังตอกย้ำความจริงที่น่าเศร้าว่า กฎหมายเพียงอย่างเดียว ไม่เพียงพอที่จะปกป้องชีวิตคนได้

สรุปข่าว

การขวางรถพยาบาลถือว่าผิดกฎหมายหลายฉบับ ทั้ง พ.ร.บ.จราจร, พ.ร.บ.การแพทย์ฉุกเฉิน และประมวลกฎหมายอาญา มีโทษตั้งแต่ปรับ 2,000 บาท ตัด 1 คะแนนใบขับขี่ จนถึงจำคุก 10 ปี แต่ปัญหาใหญ่คือการบังคับใช้และจิตสำนึกสังคมที่ยังไม่ตื่นตัว

เสียงไซเรนก้องถนนไม่ใช่แค่สัญญาณของความเร่งด่วน แต่คือเสียงเรียกชีวิตที่กำลังรอความช่วยเหลือ ทว่าความจริงบนถนนไทยกลับสะท้อนให้เห็นอีกด้านหนึ่ง—เสียงไซเรนที่ถูกละเลย รถฉุกเฉินที่ถูกขวางทาง และผู้ป่วยที่ต้องสิ้นลมหายใจเพราะวินาทีที่ถูกช่วงชิงไปอย่างไร้ค่า

กฎหมายไทยวางหลักการชัดเจนว่าทุกคนต้องหลีกทางให้รถฉุกเฉิน และมีบทลงโทษทางอาญารองรับหากการเพิกเฉยนั้นนำมาซึ่งความสูญเสีย แต่คำถามคือ เหตุใดบทบัญญัติที่มีอยู่จึงดูไร้น้ำหนักในทางปฏิบัติ? บทเรียนจากกรณีแท็กซี่ขวางรถพยาบาลที่ภูเก็ตครั้งนี้ กำลังตอกย้ำความจริงที่น่าเศร้าว่า กฎหมายเพียงอย่างเดียว ไม่เพียงพอที่จะปกป้องชีวิตคนได้

วินาทีชี้เป็นชี้ตาย เหตุการณ์ที่ไม่ควรเกิดขึ้น

ชายวัย 62 ปีรายนี้เกิดอาการหมดสติในสวนทุเรียนชุมชนกมลา ครอบครัวรีบประสานโรงพยาบาลป่าตองขอความช่วยเหลือฉุกเฉิน ตั้งแต่เวลา 08.15 น. ทีมแพทย์ฉุกเฉินนำรถพยาบาลพร้อมอุปกรณ์ช่วยชีวิตออกเดินทางโดยเร่งด่วน และหลังรับตัวผู้ป่วยได้ ก็เร่งเปิดไซเรนเต็มที่เพื่อมุ่งหน้าเข้าตัวเมืองภูเก็ต

แต่บนเส้นทางแคบๆ นั้น กลับมีรถแท็กซี่คันหนึ่งที่ขับเบียดชิดเลนซ้าย โดยไม่หลีกทางให้ ทั้งยังลดความเร็วลงอย่างผิดปกติ ผู้เห็นเหตุการณ์ระบุว่า "รถพยาบาลเปิดไซเรนเต็มที่ แต่แท็กซี่ไม่ยอมหลบเลย ถ้าหลบเร็วอีกนิดเดียว อาจช่วยชีวิตไว้ได้"

แม้ทีมแพทย์จะพยายามปั๊มหัวใจอย่างสุดความสามารถบนรถ แต่สุดท้ายก็ต้องประกาศการเสียชีวิตในเวลา 08.45 น. — เพียง 30 นาทีหลังเริ่มเหตุการณ์ฉุกเฉิน


กฎหมายที่มีอยู่ แต่ไร้น้ำหนัก บทเรียนซ้ำซากที่ไม่เคยเปลี่ยน

การขวางรถพยาบาลมีบทกำหนดโทษอยู่ในกฎหมายอย่างชัดเจน แต่คำถามที่ใหญ่กว่าคือ เหตุใดบทลงโทษเหล่านี้จึงไม่สามารถหยุดยั้งพฤติกรรมเช่นนี้ได้

ตาม พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 (แก้ไขเพิ่มเติมปี 2565) มาตรา 76 ผู้ขับขี่ที่พบรถฉุกเฉินพร้อมสัญญาณเสียงและไฟ ต้องหยุดรถหรือหลีกทางให้โดยเร็ว ฝ่าฝืนมีโทษ ปรับไม่เกิน 2,000 บาท และถูก ตัดคะแนนความประพฤติในการขับรถ 1 คะแนน ตาม ประกาศสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรื่องหลักเกณฑ์การตัดคะแนนความประพฤติ พ.ศ. 2566

ขณะเดียวกัน หากการไม่หลีกทางนำมาซึ่งความสูญเสียถึงชีวิต กฎหมายยังสามารถเอาผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 ในฐานะ "ประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย" มีโทษ จำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

นอกจากนี้ ยังมี พระราชบัญญัติการแพทย์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2551 มาตรา 32 ที่กำหนดชัดเจนว่า การขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ทางการแพทย์ฉุกเฉิน เป็นความผิดสำเร็จในตัวเอง ไม่ต้องมีผลความเสียหายเกิดขึ้นจริง เช่น ผู้ป่วยเสียชีวิตหรือบาดเจ็บ ก็สามารถดำเนินคดีได้ทันที มีโทษ จำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

กฎหมายมีอยู่ครบ แต่การบังคับใช้ และที่สำคัญกว่านั้น คือจิตสำนึกของผู้ใช้ถนน กลับยังห่างไกลจากมาตรฐานที่ควรเป็น วินาทีแห่งชีวิตที่ควรได้รับการเคารพ ยังถูกทิ้งอยู่กลางทาง ด้วยความเฉยชาจากทั้งสังคมและระบบ

บรรณาธิการออนไลน์

แท็กบทความ

รถพยาบาล
แท็กซี่ขวางทาง
กฎหมายจราจร
หลีกทางรถพยาบาล
การแพทย์ฉุกเฉิน