ราคายาบ้าพุ่ง ของกลางทะลัก 7 พันล้าน Seal Stop Safe ได้ผลจริง

ประชุมหน่วยงานชายแดน ฟังสรุปผลปฏิบัติการสกัดกั้นยาเสพติด

เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2568 ที่หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง นครพนม นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานประชุมติดตามการแก้ไขปัญหายาเสพติดข้ามแดน โดยมีคณะรัฐมนตรี ผู้บัญชาการทหาร หน่วยงานด้านความมั่นคง และผู้บริหารท้องถิ่นเข้าร่วมครบทีม

ในที่ประชุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมได้นำเสนอแผนปฏิบัติการ “Seal Stop Safe” พร้อมวีดิทัศน์สรุปผลการดำเนินงาน และแม่ทัพภาคที่ 2 ได้รายงานผลการสกัดกั้นยาเสพติดแนวชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ 20 จังหวัด ผ่านมาตรการ 6 ด้าน ได้แก่ การสกัดกั้น, ความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน, บูรณาการ, ปราบปราม, ป้องกัน และการบำบัดรักษา

ตัวเลขสะท้อนความสำเร็จ ยึดยาบ้า-ไอซ์เพิ่มขึ้นเท่าตัว

ผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2567 ถึงปัจจุบัน ระบุว่าสามารถยึดยาบ้าได้มากถึง 104.9 ล้านเม็ด เพิ่มขึ้นกว่า 332% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ขณะที่การยึดยาไอซ์ทะลุ 4,084 กิโลกรัม เพิ่มขึ้นถึง 8,068% ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเข้มข้นของการปราบปราม

ในด้านการคัดกรองประชากรกลุ่มเสี่ยงอายุ 12-65 ปี จำนวนกว่า 551,000 คน พบว่ามีผู้เสพยาเสพติดเพียง 2.25% แสดงถึงความสำเร็จในการจำกัดการแพร่ระบาดในระดับชุมชน

ราคายาบ้าเพิ่ม-หาซื้อยากขึ้น ตัวชี้วัดการสกัดกั้นที่ได้ผล

เลขาธิการ ป.ป.ส. รายงานเพิ่มเติมว่าการสกัดกั้นยาเสพติดที่เข้มข้นส่งผลให้ราคายาบ้าในพื้นที่ชายแดนพุ่งสูงจากเดิมเม็ดละ 5-20 บาท เป็น 40-100 บาทในปัจจุบัน และหาซื้อได้ยากยิ่งขึ้น ทั้งยังส่งผลให้รายงานข่าวเกี่ยวกับผู้ป่วยจิตเวชจากการใช้สารเสพติดลดลงอย่างมีนัยสำคัญในปีงบประมาณนี้

นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของราคายาเสพติดในตลาดมืดว่าเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดความสำเร็จของการดำเนินมาตรการ โดยกล่าวว่า “การที่ราคายาบ้าปรับสูงขึ้น สะท้อนถึงแรงกดดันจากมาตรการสกัดกั้นที่ได้ผลจริง”

เตรียมรับมือภัยใหม่ รูปแบบลักลอบขนส่งที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น

นายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า ได้หารือกับผู้บัญชาการทหารสูงสุดเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการลักลอบขนยาเสพติด ซึ่งมีแนวโน้มซับซ้อนและหลากหลายขึ้น เช่น การซุกซ่อนผ่านระบบขนส่งสินค้าหรือเส้นทางธรรมชาติที่ตรวจจับได้ยาก จึงได้สั่งการให้ทุกหน่วยเตรียมการรับมือ และเร่งจัดหาอุปกรณ์สแกนและเอ็กซเรย์ที่ทันสมัย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสกัดกั้นตั้งแต่แนวชายแดน

ปลูกฝังเยาวชน-ฟื้นฟูผู้เสพ การแก้ปัญหาที่ยั่งยืน

นอกจากการสกัดกั้น นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับการป้องกันต้นทาง โดยเน้นย้ำบทบาทของสถาบันการศึกษาในการปลูกฝังความรู้เกี่ยวกับพิษภัยยาเสพติดให้กับเยาวชน พร้อมเน้นการให้โอกาสแก่ผู้ติดยาเสพติด โดยมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพัฒนาทักษะและเสริมสร้างกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในกระบวนการบำบัด

“ทุกคนสมควรได้รับโอกาส ไม่ว่าจะพลาดน้อยหรือมาก” นายกรัฐมนตรีกล่าวย้ำ พร้อมเรียกร้องให้ภาครัฐทุกระดับร่วมสร้างสังคมที่ให้โอกาสผู้ผิดพลาดได้กลับตัวอย่างแท้จริง