ถูกหักเงิน กยศ. 3,000 บาท ต้องทำอย่างไร? เช็กเงื่อนไข ปรับโครงสร้างหนี้ ลดภาระผ่อน

ถูกหักเงิน กยศ. 3,000 บาท ต้องทำอย่างไร? เช็กเงื่อนไข ปรับโครงสร้างหนี้ ลดภาระผ่อน

กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) แจ้งนายจ้างทั่วประเทศให้หักเงินเดือนผู้กู้ยืมรายละ 3,000 บาทเพิ่มเติม เริ่มตั้งแต่เดือนเมษายน 2568 เป็นต้นไป เฉพาะกรณีผู้กู้ยืมที่มียอดค้างชำระ เพื่อเร่งรัดการจัดเก็บและลดปัญหาหนี้เสียสะสม

หลายคนสงสัย ทำไมต้องถูกหักเพิ่ม? และจะทำอย่างไรหากไม่ต้องการให้หักเงินเดือนแบบนี้? บทความนี้จะพาไปรู้ทุกขั้นตอน ตรวจสอบสิทธิ์ และแนวทางปรับโครงสร้างหนี้เพื่อลดภาระการผ่อนรายเดือน


สรุปข่าว

กยศ. เริ่มหักเงินเดือนผู้กู้ยืมรายละ 3,000 บาท ตั้งแต่ เม.ย. 68 เฉพาะผู้ค้างชำระที่ไม่ปรับโครงสร้างหนี้ ผู้กู้สามารถลดภาระผ่อน-ปลดผู้ค้ำได้ ด้วยการทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ออนไลน์ผ่านระบบ กยศ. Connect

กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) แจ้งนายจ้างทั่วประเทศให้หักเงินเดือนผู้กู้ยืมรายละ 3,000 บาทเพิ่มเติม เริ่มตั้งแต่เดือนเมษายน 2568 เป็นต้นไป เฉพาะกรณีผู้กู้ยืมที่มียอดค้างชำระ เพื่อเร่งรัดการจัดเก็บและลดปัญหาหนี้เสียสะสม

หลายคนสงสัย ทำไมต้องถูกหักเพิ่ม? และจะทำอย่างไรหากไม่ต้องการให้หักเงินเดือนแบบนี้? บทความนี้จะพาไปรู้ทุกขั้นตอน ตรวจสอบสิทธิ์ และแนวทางปรับโครงสร้างหนี้เพื่อลดภาระการผ่อนรายเดือน


สรุปประเด็น 

  • กยศ. แจ้งหักเพิ่ม 3,000 บาท สำหรับผู้ที่ "ค้างชำระ" เท่านั้น
  • ผู้กู้ที่ทำ “สัญญาปรับโครงสร้างหนี้” แล้ว ไม่ถูกหักเพิ่ม
  • ตรวจสอบยอดหนี้ได้ผ่านแอป “กยศ. Connect”
  • นายจ้างต้องหักเงินส่ง กยศ. ตามกฎหมายมาตรา 51
  • ทางออก: ขอปรับโครงสร้างหนี้ออนไลน์ ลดเบี้ย ปลดผู้ค้ำ

    มาตรการหักเงินเดือนผู้กู้ กยศ. เพิ่ม 3,000 บาท เริ่มสร้างคำถามในหมู่ลูกหนี้และนายจ้างจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มที่ยังไม่ได้ชำระหนี้ค้างก่อนหน้านี้ ในขณะที่ผู้ที่ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้แล้วจะได้รับสิทธิยืดเวลาผ่อน ลดเบี้ย และปลดภาระผู้ค้ำ เรามาทำความเข้าใจแต่ละประเด็นให้ชัดเจน



ใครคือผู้ถูกหักเพิ่ม 3,000 บาท?

ผู้ที่ถูกหักเงินเดือนเพิ่มเป็นรายละ 3,000 บาท คือ "ผู้กู้ยืม กยศ." ที่มียอดหนี้ค้างชำระ และยัง ไม่ได้ทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ กับกองทุน โดยการหักนี้จะเริ่มตั้งแต่ "เดือนเมษายน 2568" เป็นต้นไป และจะเป็นการแจ้งให้นายจ้างหักโดยตรงจากเงินเดือน

ถ้าทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้แล้ว จะถูกหักไหม?

ไม่ถูกหักเงินเพิ่ม หากผู้กู้ยืมทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้เรียบร้อยแล้วภายในเวลาที่กำหนด (ภายในเดือนเมษายน 2568) กยศ. ยืนยันว่า การหักเงิน 3,000 บาท จะมีผลเฉพาะเดือนถัดจากเดือนที่ “ยังไม่ปรับโครงสร้างหนี้” เท่านั้น


วิธีเช็กยอดหนี้และสถานะผู้กู้ผ่าน “กยศ. Connect”

ผู้กู้สามารถตรวจสอบยอดหนี้ค้างได้ด้วยตนเองผ่านแอป "กยศ. Connect" ซึ่งจะแสดงยอดที่ต้องชำระ ยอดค้างชำระ และข้อมูลส่วนตัวแบบเรียลไทม์ แนะนำให้เช็กสถานะก่อน เพื่อประเมินว่าอยู่ในกลุ่มถูกหักเพิ่มหรือไม่

ไม่อยากถูกหัก ทำอย่างไร?

ผู้กู้ที่ไม่ต้องการให้หักเงิน 3,000 บาทสามารถเลือก “ปรับโครงสร้างหนี้” ออนไลน์ได้ โดยสแกน QR Code จากเว็บไซต์ กยศ. เพื่อเข้าสู่ระบบ และยืนยันตัวตนผ่านแอป ThaiID โดยผู้ที่ปรับโครงสร้างหนี้แล้ว จะได้รับสิทธิ

  • ผ่อนจ่ายน้อยลง
  • ยืดเวลาผ่อนสูงสุด 15 ปี
  • ลดเบี้ยปรับ 100%
  • ปลดผู้ค้ำประกัน

กฎหมายรองรับชัดเจน นายจ้างต้องหักเงินตามกฎหมาย

ตาม มาตรา 51 ของ พ.ร.บ.กองทุนฯ ผู้จ่ายเงิน (ทั้งรัฐและเอกชน) มีหน้าที่ต้องหักเงินเดือนลูกจ้างที่เป็นผู้กู้ยืม เพื่อส่งคืนกองทุน โดยจะถูกหักทันทีถัดจากภาษี ณ ที่จ่าย และกฎหมายอื่น เช่น ประกันสังคม กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เป็นต้น

-----------

การถูกหักเงิน กยศ. เพิ่มเดือนละ 3,000 บาท เป็นมาตรการเร่งรัดเฉพาะผู้ที่ยังค้างชำระหนี้และไม่ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้เท่านั้น หากไม่ต้องการถูกหักเงินจำนวนนี้ ผู้กู้ยืมสามารถแก้ไขได้ด้วยตนเองผ่านระบบออนไลน์ ด้วยการปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งจะได้สิทธิ์ลดภาระหลายด้าน ทั้งลดเบี้ย ยืดเวลาผ่อน และปลดผู้ค้ำ การวางแผนชำระหนี้อย่างรอบคอบคือทางรอดของทุกฝ่ายในระบบนี้


ที่มาข้อมูล : TNN เรียบเรียง จาก กยศ.

ที่มารูปภาพ : Freepik

บรรณาธิการออนไลน์