
เวที “Mission Thailand ภารกิจพลิกฟื้นเศรษฐกิจ” กลายเป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยอย่างเป็นรูปธรรม นำโดย นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
ทั้งสองฝ่ายร่วมเปิดวิสัยทัศน์และแนวนโยบายสำคัญ ตั้งแต่การเร่งแก้หนี้ครัวเรือน การเพิ่มรายได้ภาคเกษตร การรับมือสงครามภาษีจากสหรัฐฯ ไปจนถึงแนวทางดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ เพื่อวางรากฐานเศรษฐกิจไทยระยะยาว
----------------------
(สรุปประเด็นเบื้องต้น)
• แก้หนี้ครัวเรือน 16.4 ล้านล้านบาท ตั้งเป้าปลดล็อกเครดิต-ปลดหนี้ล้านราย
• เจรจาภาษีสหรัฐฯ ใช้ยุทธศาสตร์นำเข้าสินค้าสร้างสมดุลการค้า
• ยืนยันการนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ ไม่กระทบภาคอุตสาหกรรม
• ผลักดันโซนนิ่งเกษตร-เพิ่มรายได้ 27 ล้านเกษตรกร
• หนุนต่างชาติใช้สิทธิที่ดิน 99 ปี ดึงการลงทุนระยะยาว
------------
สรุปข่าว
เวที “Mission Thailand ภารกิจพลิกฟื้นเศรษฐกิจ” กลายเป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยอย่างเป็นรูปธรรม นำโดย นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
ทั้งสองฝ่ายร่วมเปิดวิสัยทัศน์และแนวนโยบายสำคัญ ตั้งแต่การเร่งแก้หนี้ครัวเรือน การเพิ่มรายได้ภาคเกษตร การรับมือสงครามภาษีจากสหรัฐฯ ไปจนถึงแนวทางดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ เพื่อวางรากฐานเศรษฐกิจไทยระยะยาว
----------------------
(สรุปประเด็นเบื้องต้น)
• แก้หนี้ครัวเรือน 16.4 ล้านล้านบาท ตั้งเป้าปลดล็อกเครดิต-ปลดหนี้ล้านราย
• เจรจาภาษีสหรัฐฯ ใช้ยุทธศาสตร์นำเข้าสินค้าสร้างสมดุลการค้า
• ยืนยันการนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ ไม่กระทบภาคอุตสาหกรรม
• ผลักดันโซนนิ่งเกษตร-เพิ่มรายได้ 27 ล้านเกษตรกร
• หนุนต่างชาติใช้สิทธิที่ดิน 99 ปี ดึงการลงทุนระยะยาว
------------
ด้วยเป้าหมายเดียวกันในการฟื้นเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืน ภาครัฐและเอกชนได้ชี้แนวนโยบายแบบตรงจุด ผ่าน 5 ประเด็นหลักที่กำลังกลายเป็นยุทธศาสตร์สำคัญในปี 2568 นี้
แก้หนี้ครัวเรือน 16.4 ล้านล้าน ตั้งเป้าปลดล็อกเครดิตบูโร-ซอฟต์โลน
นายพิชัย ชุณหวชิร เปิดเผยว่า รัฐบาลตั้งเป้าลดหนี้ครัวเรือนจาก 16.4 ล้านล้านบาท ให้เหลือเพียง 13 ล้านล้านบาท ภายใน 3 เดือน โดยเน้นกลุ่มหนี้ด้อยคุณภาพ (NPL) ที่มีจำนวนกว่า 1.19 ล้านล้านบาท จากครัวเรือน 5.4 ล้านราย ซึ่งกว่า 65% เป็นหนี้ไม่ถึงแสนบาท และไม่มีหลักประกัน
เป้าหมายคือการแก้หนี้ให้ได้อย่างน้อย 1 ล้านราย พร้อมปลดล็อกเครดิตบูโร และจัดหาซอฟต์โลนเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ในกลุ่มที่เหลือ
นายเกรียงไกร สนับสนุนแนวทางดังกล่าว โดยเชื่อว่าจะช่วยเพิ่มกำลังซื้อ กระตุ้นการบริโภค และลดต้นทุนทางการเงินของภาคธุรกิจ โดยเฉพาะหลังจากการลดดอกเบี้ยลงเหลือ 1.75%
เจรจาภาษีสหรัฐฯ ใช้กลยุทธ์การนำเข้า-ควบคุมสินค้าสวมสิทธิ
ภาคเอกชนแสดงความกังวลต่อภาษีนำเข้า 36% จากสหรัฐฯ ที่อาจส่งผลต่อการส่งออกของไทย โดยนายเกรียงไกรวิเคราะห์ว่า สาเหตุหลักของการเกินดุลการค้ามาจากสินค้าสวมสิทธิและการผลิตของต่างชาติในไทย
นายพิชัยระบุว่า รัฐบาลจะใช้กลยุทธ์เพิ่มการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ เช่น LNG และสินค้าเกษตร เพื่อถ่วงดุล และจะเร่งควบคุมการสวมสิทธิ พร้อมทั้งย้ำว่าไทยจะไม่ยอมเสียเปรียบในการเจรจา
ยืนยันนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ ไม่กระทบไทย-เอกชนพร้อมรองรับ
นายพิชัยยืนยันว่า การนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ จะไม่กระทบอุตสาหกรรมไทย เพราะจะใช้วิธีเปลี่ยนแหล่งนำเข้าแทนของเดิม โดยเน้นราคาที่แข่งขันได้ เช่น LNG ที่มีข้อตกลงนำเข้าจากสหรัฐฯ 1–2.2 ล้านตันใน 5 ปี
ขณะที่นายเกรียงไกรชี้ว่า ภาคอุตสาหกรรมไทยยังมีกำลังการผลิตเหลือพอ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ และอาหารสัตว์เลี้ยง ที่สามารถนำเข้าวัตถุดิบจากสหรัฐฯ มาแปรรูปเพื่อส่งออกเพิ่มมูลค่าได้
ขับเคลื่อนรายได้เกษตรกร – เอกชนหนุนลดต้นทุนโลจิสติกส์
นายเกรียงไกรเสนอให้รัฐบริหารจัดการน้ำ และลดต้นทุนขนส่ง เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรไทยราว 27 ล้านคน ซึ่งเป็นกลุ่มที่สามารถขับเคลื่อนการบริโภคและเศรษฐกิจในวงกว้าง
นายพิชัยย้ำแนวทางปรับโครงสร้างการผลิต เช่น โซนนิ่งเพาะปลูก ลดการปลูกข้าวพันธุ์ที่ต้นทุนสูง และส่งเสริมพืชที่ตลาดต้องการ พร้อมศึกษาการปรับขึ้นราคาสินค้าเกษตรบางประเภท โดยไม่กระทบผู้บริโภคในประเทศ
หนุนต่างชาติใช้สิทธิที่ดิน 99 ปี – ตั้งไทยเป็นฐานลงทุนโลก
ในบริบทของสงครามการค้าจีน-สหรัฐฯ นายเกรียงไกรมองว่าไทยควรเป็นตัวกลางทางเศรษฐกิจ ด้วยศักยภาพในการเป็นฐานการผลิตที่เชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานหลากหลาย
นายพิชัยเปิดเผยว่า รัฐบาลเตรียมผลักดันให้นักลงทุนต่างชาติสามารถใช้สิทธิในที่ดินระยะยาว 99 ปี โดยเมื่อครบกำหนด ที่ดินจะกลับมาเป็นของรัฐ เพื่อจูงใจการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์และภาคอุตสาหกรรม พร้อมเร่งแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง เช่น การตรวจสอบสินค้าสวมสิทธิ และกำหนด Local Content 40% เพื่อรักษาฐานอุตสาหกรรมไทยในระยะยาว
--------------------------
“Mission Thailand” ไม่ได้เป็นเพียงเวทีแสดงวิสัยทัศน์ หากแต่เป็นแผนปฏิบัติการจริงที่ภาครัฐและเอกชนจับมือกันดำเนินการ ผ่านการแก้หนี้ที่จับต้องได้ การบริหารดุลการค้าอย่างรอบคอบ และการออกแบบนโยบายดึงดูดการลงทุน
ความหวังของเศรษฐกิจไทยจึงไม่ได้อยู่แค่บนเวที แต่เริ่มต้นที่การลงมือของทุกภาคส่วน เพื่อวางรากฐานใหม่ให้มั่นคง แข็งแรง และแข่งขันได้บนเวทีเศรษฐกิจโลกในระยะยาว
บรรณาธิการออนไลน์