Gymxiety ถ่ายติ๊กต็อก คอนเทนต์ในยิม ทำให้คนอื่นในยิมรู้สึกกังวล และเลิกไปยิม

Gymxiety ถ่ายติ๊กต็อก คอนเทนต์ในยิม ทำให้คนอื่นในยิมรู้สึกกังวล และเลิกไปยิม

เคยไหม ที่ไปยิมเพื่อออกกำลังกาย แต่กลับเจอคนในยิม ตั้งกล้อง ทำคอนเทนต์ ถ่าย Tiktok ติดภาพเรา จนทำให้รู้สึกไม่สบายใจ จนอยากเลิกไปยิม และเทรนด์นี้ดูจะมีมากขึ้นเรื่อย โดยเฉพาะกับคน Gen Z ด้วย


คนเราถ่ายรูปในยิมกันทำไม ?

เจมส์ แมคมิลเลี่ยน ผู้อำนวยการฝ่ายนวัตกรรมของ Tone House สถานที่ฝึกอบรม หรือยิมสุดหรูในนิวยอร์คให้สัมภาษณ์ว่า วัฒนธรรมการถ่ายรูป หรือคอนเทนต์ในยิมนั้นเริ่มประมาณช่วงปี 2015-2017 ที่อินฟลูเอนเซอร์ด้านการออกกำลังกายเริ่มผลักดันตัวเอง และแบรนด์ส่วนตัวบนแพลตฟอร์มอย่าง Instagram และ YouTube ซึ่งคลาสออกกำลังกายหลายคลาสของที่นี่เอง ก็มีผู้เข้าเรียนที่ทั้งออกกำลังกาย และเอนเอียงไปทางการโฆษณาตัวเอง ชีวิตทางสังคม ไปถึงธุรกิจ หรือแบรนด์ส่วนตัวด้วย 

เจมส์ยังมองว่า การระบาดของโควิด 19 ทำให้การถ่ายหรือทำคอนเทนต์เกิดมากขึ้น โดยเฉพาะแฟนๆ ฟิตเนส ซึ่งเมื่อยิม และคลาสออกกำลังกายปิดชั่วคราว ผู้คนเริ่มโพสต์การออกกำลังกายทั้งที่กลางแจ้ง และที่บ้านมากขึ้น การออกกำลังกายจึงเป็นเหมือนหนึ่งในกิจกรรมที่ทำให้รู้สึกปกติอีกครั้ง และพัฒนาตนเอง เพื่อลืมว่าเราอยู่ท่ามกลางการระบาดใหญ่ และสามารถแบ่งปันกับคนอื่นๆ ทางออนไลน์ได้

และเมื่อยิมและคลาสออกกําลังกายเปิดอีกครั้ง นิสัยการถ่าย ทำคอนเทนต์ในโซเชียลมีเดียของผู้คนก็ดําเนินต่อไป “ทุกคนกลายเป็นผู้สร้างเนื้อหาและยิมกลายเป็นเวทีของพวกเขา” เจมส์กล่าว

มีการวิเคราะห์ว่า เพราะความสะดวกสบายในการถ่ายในโรงยิม บวกกับอัลกอริทึ่มของโซเชียลมีเดีย ทำให้ปริมาณวิดีโอที่คนโชว์การออกกำลังกายมากขึ้นเรื่อยๆ และเทรนด์ที่ได้รับความนิยมนี้ ก็มาพร้อมความน่ารำคาญ เช่น คนที่ถ่ายคอนเทนต์ และยึดเครื่องเล่น อุปกรณ์บางอย่างเพื่อถ่ายคลิป จนไม่เกรงใจเพื่อนร่วมยิม หรือการถ่ายติดคนอื่นโดยไม่ได้ตั้งใจ 


สรุปข่าว

ปัจจุบัน การถ่าย tiktok ทำคอนเทนต์ในยิม การเป็นเรื่องแพร่หลายมากขึ้น แต่ในทางนึงกลับทำให้คนอื่นๆ ที่อยู่ในยิม รู้สึกวิตก อึดอัดเพราะกลัวจะโดนถ่ายติดเข้าไป จนทำให้หลายๆ คนคิดอยากเลิกไปยิม

เคยไหม ที่ไปยิมเพื่อออกกำลังกาย แต่กลับเจอคนในยิม ตั้งกล้อง ทำคอนเทนต์ ถ่าย Tiktok ติดภาพเรา จนทำให้รู้สึกไม่สบายใจ จนอยากเลิกไปยิม และเทรนด์นี้ดูจะมีมากขึ้นเรื่อย โดยเฉพาะกับคน Gen Z ด้วย


คนเราถ่ายรูปในยิมกันทำไม ?

เจมส์ แมคมิลเลี่ยน ผู้อำนวยการฝ่ายนวัตกรรมของ Tone House สถานที่ฝึกอบรม หรือยิมสุดหรูในนิวยอร์คให้สัมภาษณ์ว่า วัฒนธรรมการถ่ายรูป หรือคอนเทนต์ในยิมนั้นเริ่มประมาณช่วงปี 2015-2017 ที่อินฟลูเอนเซอร์ด้านการออกกำลังกายเริ่มผลักดันตัวเอง และแบรนด์ส่วนตัวบนแพลตฟอร์มอย่าง Instagram และ YouTube ซึ่งคลาสออกกำลังกายหลายคลาสของที่นี่เอง ก็มีผู้เข้าเรียนที่ทั้งออกกำลังกาย และเอนเอียงไปทางการโฆษณาตัวเอง ชีวิตทางสังคม ไปถึงธุรกิจ หรือแบรนด์ส่วนตัวด้วย 

เจมส์ยังมองว่า การระบาดของโควิด 19 ทำให้การถ่ายหรือทำคอนเทนต์เกิดมากขึ้น โดยเฉพาะแฟนๆ ฟิตเนส ซึ่งเมื่อยิม และคลาสออกกำลังกายปิดชั่วคราว ผู้คนเริ่มโพสต์การออกกำลังกายทั้งที่กลางแจ้ง และที่บ้านมากขึ้น การออกกำลังกายจึงเป็นเหมือนหนึ่งในกิจกรรมที่ทำให้รู้สึกปกติอีกครั้ง และพัฒนาตนเอง เพื่อลืมว่าเราอยู่ท่ามกลางการระบาดใหญ่ และสามารถแบ่งปันกับคนอื่นๆ ทางออนไลน์ได้

และเมื่อยิมและคลาสออกกําลังกายเปิดอีกครั้ง นิสัยการถ่าย ทำคอนเทนต์ในโซเชียลมีเดียของผู้คนก็ดําเนินต่อไป “ทุกคนกลายเป็นผู้สร้างเนื้อหาและยิมกลายเป็นเวทีของพวกเขา” เจมส์กล่าว

มีการวิเคราะห์ว่า เพราะความสะดวกสบายในการถ่ายในโรงยิม บวกกับอัลกอริทึ่มของโซเชียลมีเดีย ทำให้ปริมาณวิดีโอที่คนโชว์การออกกำลังกายมากขึ้นเรื่อยๆ และเทรนด์ที่ได้รับความนิยมนี้ ก็มาพร้อมความน่ารำคาญ เช่น คนที่ถ่ายคอนเทนต์ และยึดเครื่องเล่น อุปกรณ์บางอย่างเพื่อถ่ายคลิป จนไม่เกรงใจเพื่อนร่วมยิม หรือการถ่ายติดคนอื่นโดยไม่ได้ตั้งใจ 


Gymxiety ความกังวลจากการกลัวถูกถ่าย และความไม่สบายใจในยิม

การสำรวจล่าสุดของ Levity ที่ได้สอบถามคน 1,000 คน เกี่ยวกับความวิตกกังวลในยิม พบว่า สำหรับหลายๆ คน ยิมไม่ใช่พื้นที่ปลอดภัยอีกต่อไป แต่กลับกลายเป็นพื้นที่ของ Tiktoker หรือ Instagramer ในการทำคอนเทนต์ ทำให้ 1 ใน 5 ของผู้เข้ายิม เลือกจะเลิก หรือออกจากยิม เพราะกลัวว่าจะถูกถ่ายวิดีโอโดยที่ไม่ได้รับความยินยอม

3 ใน 4 ของผู้ออกกำลังกายในยิมยังมองว่า อินฟลูเอนเซอร์ด้านการออกกำลังกาย หรือฟิตเนสทำให้วัฒนธรรมการออกกำลังกายในยิมแย่ลง และยังสนับสนุนให้มีโซนที่ห้ามถ่ายรูปในยิม นอกจากนี้ครึ่งนึงยังเปลี่ยนวิธีการแต่งตัวไปยิม เพื่อหลีกเลี่ยงความสนใจ หรือการถูกตัดสิน และมากกว่า 1 ใน 3 กล่าวว่าคอนเทนต์บน Tiktok และ Instagram ทำให้พวกเขารู้สึกท้อแท้เกินไปที่จะไปยิม

แต่กลุ่มคนที่รู้สึกไม่สบายใจ มากที่สุดก็คือผู้หญิง และคน Gen Z โดยผู้หญิง 1 ใน 4 มองว่า รู้สึกเหมือนถูกล่วงละเมิดหรือเข้าหาอย่างไม่เหมาะสมที่โรงยิม และกว่า 85% มีแนวโน้มที่รู้สึกอัดอัน และวิตกกังวลระหว่างการออกกำลังกายมากกว่าผู้ชายที่ 67%

ขณะที่กลุ่มคนรุ่นใหม่ หรือ Gen Z ที่เข้ายิมมากถึง 80% รู้สึกอึดอัด และกังวล ทั้งยังเป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มจะเลิกเข้ายิมมากที่สุดเพราะกลัวการถูกบันทึกภาพ หรือวิดีโอด้วย 


เรียกความมั่นใจ และหาสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม

ผู้เชี่ยวชาญยังแนะนำว่า หากอาการ gymxiety ทําให้คุณไม่ออกกําลังกาย คุณอาจจะต้องหาสภาพแวดล้อมในยิมที่เหมาะสม อาจจะหายิมที่มีการเตือนการห้ามถ่ายรูป และป้องกันการล่วงละเมิด รวมถึงหากเราเองเป็นผู้ที่ชอบถ่ายคลิป ทำคอนเทนต์ในบางครั้ง ก็อาจจะต้องนึกไว้ว่า การออกกําลังกายมีไว้เพื่อตัวเราเอง ไม่ใช่สําหรับโซเชียลมีเดียด้วย

ที่มาข้อมูล : Vox, womenshealthmag, joinlevity

ที่มารูปภาพ : Envato