
สถานการณ์การเมืองระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทยกำลังเข้าสู่จุดเปราะบาง เมื่อพรรคแกนนำรัฐบาลอย่างเพื่อไทยขีดเส้นตาย 48 ชั่วโมงให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ตัดสินใจว่าจะ “คืน” หรือ “รักษา” ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งถือเป็นกระทรวงยุทธศาสตร์ด้านอำนาจท้องถิ่นและกลไกการเมืองระดับพื้นที่
บทความนี้ชวนจับตา 3 ทางออกที่เป็นไปได้ของศึกเก้าอี้ มท.1 — ตั้งแต่การเปิดดีลใหม่ การถอนตัวจากรัฐบาล ไปจนถึงการยุบสภา กลยุทธ์ไหนเป็นไปได้มากที่สุด? และใครจะได้ประโยชน์หรือเสียเปรียบจากทางเลือกเหล่านี้?
สรุปข่าว
สถานการณ์การเมืองระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทยกำลังเข้าสู่จุดเปราะบาง เมื่อพรรคแกนนำรัฐบาลอย่างเพื่อไทยขีดเส้นตาย 48 ชั่วโมงให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ตัดสินใจว่าจะ “คืน” หรือ “รักษา” ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งถือเป็นกระทรวงยุทธศาสตร์ด้านอำนาจท้องถิ่นและกลไกการเมืองระดับพื้นที่
บทความนี้ชวนจับตา 3 ทางออกที่เป็นไปได้ของศึกเก้าอี้ มท.1 — ตั้งแต่การเปิดดีลใหม่ การถอนตัวจากรัฐบาล ไปจนถึงการยุบสภา กลยุทธ์ไหนเป็นไปได้มากที่สุด? และใครจะได้ประโยชน์หรือเสียเปรียบจากทางเลือกเหล่านี้?
1. เปิดดีลใหม่ แลกตำแหน่ง รักษารัฐบาลผสม
แนวทางประนีประนอมที่สุดคือการเปิดดีลใหม่ โดยพรรคเพื่อไทยอาจยอมให้พรรคภูมิใจไทยรักษาเก้าอี้มหาดไทย หากสามารถแลกเปลี่ยนกับตำแหน่งอื่นที่มีน้ำหนัก เช่น กระทรวงเกษตรฯ หรือกระทรวงพลังงาน รวมถึงรูปแบบ “สองกระทรวงแลกหนึ่ง” ที่เป็นข่าวก่อนหน้านี้
ข้อดีของแนวทางนี้คือช่วยรักษาเสถียรภาพรัฐบาล ไม่เกิดภาวะเสียงปริ่มน้ำ และไม่จำเป็นต้องรีเซ็ตการจัดตั้งรัฐบาลใหม่
แต่ข้อเสียคือ พรรคเพื่อไทยอาจถูกวิจารณ์จากฐานเสียงว่าอ่อนข้อทางการเมือง ให้พรรคร่วมที่มีจำนวน ส.ส. น้อยกว่า ยังคุมกระทรวงที่มีผลต่อฐานอำนาจท้องถิ่นและการเลือกตั้งระดับชาติ
2. ภูมิใจไทยถอนตัว กลายเป็นฝ่ายค้านเต็มตัว
หากไม่สามารถตกลงดีลใหม่ได้ภายในเส้นตาย 48 ชั่วโมง และพรรคภูมิใจไทยยืนยันไม่คืนกระทรวงมหาดไทย ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะถอนตัวออกจากรัฐบาลไปเป็นฝ่ายค้าน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อสมดุลในสภาอย่างมีนัยสำคัญ
- พรรคเพื่อไทยอาจต้องหาพรรคร่วมใหม่ เพื่อทดแทนเสียงที่หายไป
- รัฐบาลเสี่ยงเข้าสู่ภาวะเสียงปริ่มน้ำ หากไม่สามารถเติมเสียงใหม่ได้ทัน
- ฝ่ายค้านจะมีน้ำหนักมากขึ้นในการตรวจสอบรัฐบาล โดยเฉพาะในกระทรวงสำคัญที่พรรคเพื่อไทยดูแลอยู่
3. ยุบสภา รีเซ็ตเกมการเมืองใหม่ (โอกาสต่ำ แต่เป็นไปได้)
หากไม่สามารถประคับประคองรัฐบาลได้ และเกิดการถอนตัวของพรรคร่วมหลายพรรค หรือเกิดความขัดแย้งลามถึงเสียงสนับสนุนนายกรัฐมนตรีในสภา อาจเกิดภาวะทางตันที่นำไปสู่การยุบสภาเพื่อคืนอำนาจให้ประชาชน
แม้จะยังไม่ใช่ทางเลือกที่ “ใกล้มือ” แต่หากวิกฤตบานปลายและพรรคเพื่อไทยประเมินแล้วว่าอยู่ในสภาพ “เสียงขาด” โดยไร้ทางออก การยุบสภาก็อาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่าการบริหารด้วยรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ
สรุปเชิงกลยุทธ์
- พรรคภูมิใจไทยกำลังใช้ "เกมยืนหลัก" เพื่อยืนยันจุดยืนทางการเมือง ไม่หวั่นไหวต่อแรงกดดัน พร้อมถอยไปเป็นฝ่ายค้านหากไม่เป็นไปตามข้อตกลงเดิม
- พรรคเพื่อไทยใช้ "เกมกดดันเวลา" เพื่อเร่งให้เกิดการตัดสินใจ และผลักดันแผนปรับ ครม. ให้ทันต่อยุทธศาสตร์ใหญ่ ทั้งด้านการบริหาร และเลือกตั้งระดับท้องถิ่นในอนาคต
- โจทย์หลักไม่ใช่เพียงใครได้คุมมหาดไทย แต่คือใครจะยอมถอยก่อนใน สงครามต่อรอง ที่เดิมพันด้วยเสถียรภาพของรัฐบาลทั้งชุด
- กรมการพัฒนาชุมชน จัดกิจกรรมพัฒนาผู้ประกอบการรุ่นใหม่
- แพทองธารตอบชัด อะไรก็เกิดขึ้นได้ ปมกระแสปรับครม. ย้ำไม่ได้พูดขอคืนมหาดไทย
- พณ.-มหาดไทย ร่วมสกัดนอมินีถือครองที่ดิน
- "อนุทิน" ฮึ่ม! ลุยฟ้องแน่ ใครพาดพิงทำชื่อเสียงพรรคภูมิใจไทยเสียหาย ปมฮั้วสว.
- ความเคลื่อนไหว สส. ฝ่ายค้าน เปลี่ยนขั้ว ก่อนจังหวะปรับ ครม.
- “คะแนนนิยม” สะสมจากท้องถิ่น? เกมลึกพรรคใหญ่ สู้ศึกเลือกตั้งเทศบาล
- "แพทองธาร" ย้ำไม่ปรับ ครม. - ไม่เขี่ยทิ้ง ภท. ปลง "ใดๆ ในโลกล้วนอนิจจัง"
บรรณาธิการออนไลน์
