รัฐไม่โปร่งใส คนไม่กลัวกฎหมาย วังวนคอร์รัปชันไทยที่แก้ไม่ได้

รัฐไม่โปร่งใส คนไม่กลัวกฎหมาย วังวนคอร์รัปชันไทยที่แก้ไม่ได้

ปัญหาคอร์รัปชัน ทุจริต มักถูกยกขึ้นมา และเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในสังคมไทย จนหลายครั้งเรามองไปแล้วว่า ปัญหานี้แก้ไขไม่ได้ และการโกง ฝังลึกอยู่ในทุกภาคส่วนของสังคมไทย

ในเวทีเสวนา GCNT Expo 2025 ภายใต้หัวข้อ “Rebuilding Trust: From Corruption to Transparency” เปิดพื้นที่ให้ตัวแทนจากหลากหลายภาคส่วนร่วมสะท้อนมุมมองต่อปัญหาคอร์รัปชันที่ในสังคมไทย ไปถึงทางออกในการแก้ปัญหา และความหวังว่า ภาครัฐจะโปร่งใส ตรวจสอบได้ และเป็นผู้ริเริ่มให้เกิดการตระหนักถึงปัญหานี้ 

นิลูบล พงษ์พยอม ตัวแทนกลุ่มนายจ้างสีขาว นายจ้างที่ใช้แรงงานต่างด้าว เล่าประสบการณ์ตรงในฐานะนายจ้างที่ต้องพึ่งพาแรงงานต่างด้าว โดยเฉพาะแรงงานกัมพูชา ซึ่งการต่ออายุใบอนุญาตแรงงานมักต้องผ่านขบวนการรีดหัวคิว รายละ 2,500 บาท เงินจำนวนนี้มักถูกส่งผ่านบัญชีม้าไปยังเจ้าหน้าที่ของรัฐทั้งในไทยและกัมพูชา เผยให้เห็นการคอร์รัปชันที่เป็นระบบและเชื่อมโยงกันหลายระดับ นิลูบลตั้งคำถามว่าเหตุใดการกระทำที่ชัดเจนเหล่านี้จึงยังไม่ถูกจัดการ ทั้งที่หลักฐานมีอยู่มากมาย และสะท้อนความไร้ประสิทธิภาพของระบบตรวจสอบ

ในมุมของกฎหมาย ปิยะ ครุฑเดชะ ทนายความหุ้นส่วนอาวุโส บริษัท เบเคอร์ แอนด์ แม็คเค็นซี่ จำกัด  ชี้ว่าประเทศไทยมีบทบัญญัติกฎหมายที่รุนแรงเพียงพอแล้ว โดยเฉพาะในกรณีเจ้าหน้าที่รัฐที่ทุจริตซึ่งสามารถถูกลงโทษถึงขั้นประหารชีวิตได้ แต่ปัญหาอยู่ที่การบังคับใช้กฎหมายที่ไม่มีประสิทธิภาพ เขากล่าวว่า คนจำนวนมากในสังคมยังคงมองว่าคอร์รัปชันเป็นเรื่องปกติ การลงโทษไม่เกิดขึ้นจริง และระบบอุปถัมภ์ พรรคพวก และความสัมพันธ์แบบเพื่อนฝูงกลับมีอิทธิพลเหนือกระบวนการยุติธรรม 

"แม้บ้านเรามีกฎหมายรุนแรง แต่ไม่มีใครกลัว กลับมองการคอร์รัปชันเป็นเรื่องปกติ ใครๆ ก็ทำ ซึ่งนี่ไม่ใช่เรื่องที่แก้ปัญหาได้ข้ามคืน แต่เราต้องเปลี่ยนมายเซ็ทของคนในสังคม และคนรุ่นใหม่ ซึ่งรัฐมีหน้าที่ส่งเสริม สนับสนุน ให้ความรู้ และกำหนดบทลงโทษอย่างจริงจัง ต้องให้ประชาชนเข้าไปมีส่วนในการที่จะตรวจสอบและกระบวนการต่างๆ ของภาครัฐ ต้องมีความโปร่งและรองรับการตรวจสอบของประชาชน จะเป็นสิ่งที่สามารถที่จะแก้ไขคอร์รัปชันได้ครับ"

สรุปข่าว

เวทีเสวนา GCNT Expo 2025 สะท้อนภาพปัญหาคอร์รัปชันเชิงโครงสร้าง ทั้งในภาครัฐและเอกชน จากแรงงานต่างด้าวถึงระบบกฎหมาย การขาดความโปร่งใสทำให้ประชาชนไม่เชื่อมั่นในรัฐ ผู้ร่วมเสวนาชี้ว่า "มายเซ็ต–อำนาจนิยม–ข้อมูลปิด" คืออุปสรรคใหญ่ของการปฏิรูป

ปัญหาคอร์รัปชัน ทุจริต มักถูกยกขึ้นมา และเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในสังคมไทย จนหลายครั้งเรามองไปแล้วว่า ปัญหานี้แก้ไขไม่ได้ และการโกง ฝังลึกอยู่ในทุกภาคส่วนของสังคมไทย

ในเวทีเสวนา GCNT Expo 2025 ภายใต้หัวข้อ “Rebuilding Trust: From Corruption to Transparency” เปิดพื้นที่ให้ตัวแทนจากหลากหลายภาคส่วนร่วมสะท้อนมุมมองต่อปัญหาคอร์รัปชันที่ในสังคมไทย ไปถึงทางออกในการแก้ปัญหา และความหวังว่า ภาครัฐจะโปร่งใส ตรวจสอบได้ และเป็นผู้ริเริ่มให้เกิดการตระหนักถึงปัญหานี้ 

นิลูบล พงษ์พยอม ตัวแทนกลุ่มนายจ้างสีขาว นายจ้างที่ใช้แรงงานต่างด้าว เล่าประสบการณ์ตรงในฐานะนายจ้างที่ต้องพึ่งพาแรงงานต่างด้าว โดยเฉพาะแรงงานกัมพูชา ซึ่งการต่ออายุใบอนุญาตแรงงานมักต้องผ่านขบวนการรีดหัวคิว รายละ 2,500 บาท เงินจำนวนนี้มักถูกส่งผ่านบัญชีม้าไปยังเจ้าหน้าที่ของรัฐทั้งในไทยและกัมพูชา เผยให้เห็นการคอร์รัปชันที่เป็นระบบและเชื่อมโยงกันหลายระดับ นิลูบลตั้งคำถามว่าเหตุใดการกระทำที่ชัดเจนเหล่านี้จึงยังไม่ถูกจัดการ ทั้งที่หลักฐานมีอยู่มากมาย และสะท้อนความไร้ประสิทธิภาพของระบบตรวจสอบ

ในมุมของกฎหมาย ปิยะ ครุฑเดชะ ทนายความหุ้นส่วนอาวุโส บริษัท เบเคอร์ แอนด์ แม็คเค็นซี่ จำกัด  ชี้ว่าประเทศไทยมีบทบัญญัติกฎหมายที่รุนแรงเพียงพอแล้ว โดยเฉพาะในกรณีเจ้าหน้าที่รัฐที่ทุจริตซึ่งสามารถถูกลงโทษถึงขั้นประหารชีวิตได้ แต่ปัญหาอยู่ที่การบังคับใช้กฎหมายที่ไม่มีประสิทธิภาพ เขากล่าวว่า คนจำนวนมากในสังคมยังคงมองว่าคอร์รัปชันเป็นเรื่องปกติ การลงโทษไม่เกิดขึ้นจริง และระบบอุปถัมภ์ พรรคพวก และความสัมพันธ์แบบเพื่อนฝูงกลับมีอิทธิพลเหนือกระบวนการยุติธรรม 

"แม้บ้านเรามีกฎหมายรุนแรง แต่ไม่มีใครกลัว กลับมองการคอร์รัปชันเป็นเรื่องปกติ ใครๆ ก็ทำ ซึ่งนี่ไม่ใช่เรื่องที่แก้ปัญหาได้ข้ามคืน แต่เราต้องเปลี่ยนมายเซ็ทของคนในสังคม และคนรุ่นใหม่ ซึ่งรัฐมีหน้าที่ส่งเสริม สนับสนุน ให้ความรู้ และกำหนดบทลงโทษอย่างจริงจัง ต้องให้ประชาชนเข้าไปมีส่วนในการที่จะตรวจสอบและกระบวนการต่างๆ ของภาครัฐ ต้องมีความโปร่งและรองรับการตรวจสอบของประชาชน จะเป็นสิ่งที่สามารถที่จะแก้ไขคอร์รัปชันได้ครับ"

ดร. มานะ นิมิตรมงคล ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน ประเทศไทย กล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า ปัจจุบัน คนไทยไม่เชื่อมั่นในสถาบันหลักของประเทศ เช่น ศาล องค์กรอิสระ หรือแม้แต่ตำรวจ เป็นผลโดยตรงจากปัญหาคอร์รัปชันที่เรื้อรัง คนที่กล้าออกมาพูดเรื่องคอร์รัปชันมักถูกคุกคามหรือข่มขู่ ซึ่งสะท้อนถึงความอ่อนแอของระบบธรรมาภิบาลในประเทศไทย เขาย้ำว่า ถ้าเราไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นในสถาบันต่าง ๆ ได้ ประเทศก็จะไม่สามารถพัฒนาไปข้างหน้าได้เลย การแก้ปัญหาจึงไม่ใช่แค่การบังคับใช้กฎหมาย แต่ต้องเริ่มจากการฟื้นฟูศรัทธาในระบบ และเปิดโอกาสให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการตรวจสอบอย่างแท้จริง

ทั้งปัจจุบันรัฐบาลไทยกําลังพยายามมากที่จะเอาตัวเองเข้าไปเป็นสมาชิก OECD ให้ได้ แต่เขาตั้งเงื่อนไขไว้ว่าเราจะต้องทําอะไรบ้าง ทั้งเรื่องของความโปร่งใส เรื่องของธรรมาภิบาล เพราะฉะนั้นวันนี้คงต้องมารวบรวม และก็ทบทวนกัน เพราะไทยเรายังก้าวไม่ข้ามผ่านจุดนั้น

ด้าน รศ. ดร. ต่อภัสสร์ ยมนาค ผู้อำนวยการศูนย์ KRAC และที่ปรึกษา บริษัท แฮนด์ วิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัด ชี้ให้เห็นว่ากฎหมายของไทยมีจำนวนมาก และซับซ้อนจนเปิดช่องให้เจ้าหน้าที่สามารถเลือกใช้กฎหมายได้ตามความสะดวกหรือผลประโยชน์ได้ ส่งผลให้เกิดการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่เป็นธรรม 

ต่อภัสสร์ยังได้ยกตัวอย่างกรณีการเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินของนักการเมืองที่เข้าถึงได้ยาก มีระยะเวลาจำกัด และไม่ได้เผยแพร่ต่อสาธารณะอย่างเป็นระบบ อีกทั้งประเด็นล่าสุด กับความพยายามในการถ่ายทอดสดการประชุมกรรมาธิการรัฐสภา ก็ยังถูกต่อต้านโดยนักการเมืองบางกลุ่มที่อ้างว่าควรให้ความไว้วางใจ และเชื่อมั่นในตัวนักการเมืองให้ทำงาน มากกว่าการเปิดเผยต่อสาธารณะ ซึ่งต่อภัสสร์เห็นว่าการไว้วางใจควรมาพร้อมความโปร่งใส ไม่ใช่แค่การโฆษณาว่าตนเองดี

มานะย้ำว่า การแก้ปัญหาคอร์รัปชันไม่อาจหวังพึ่งรัฐบาลฝ่ายเดียวได้ แต่ต้องเริ่มจากการให้ประชาชนมีพื้นที่ในการสื่อสารและตรวจสอบอย่างปลอดภัย มีเครื่องมือทางกฎหมายรองรับ และต้องปลูกฝังวัฒนธรรมความโปร่งใสตั้งแต่ระดับชุมชนจนถึงระดับประเทศ นิลูบลกล่าวทิ้งท้ายว่า วันนี้ยังไม่มีพื้นที่ปลอดภัยเพียงพอให้ประชาชนสามารถพูดเรื่องคอร์รัปชันได้โดยไม่ต้องกลัวการถูกฟ้องร้อง จึงจำเป็นต้องผลักดันให้เกิดการคุ้มครองสิทธิในการแสดงออก เพื่อให้เสียงของประชาชนมีพลังมากพอที่จะเปลี่ยนแปลง

ซึ้งทางแก้ปัญหาคือต้องสร้างความโปร่งใส และเปิดเผยข้อมูล จะนำมาสู่ระบบที่ดี เพราะตอนนี้เรารู้แล้วว่าปัญหาคืออะไร 

ที่มาข้อมูล : TNN Online

ที่มารูปภาพ : TNN Online