จับตา GBC ไทย-กัมพูชา กลไกทวิภาคี ใต้เงามหาอำนาจ?

จับตา GBC ไทย-กัมพูชา  กลไกทวิภาคี ใต้เงามหาอำนาจ?

GBC ไทย-กัมพูชา: เวทีทวิภาคีที่มหาอำนาจอยากเข้าร่วม

การประชุม GBC (General Border Committee) ระหว่างไทยและกัมพูชา ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 4-7 สิงหาคมนี้ ที่ประเทศมาเลเซีย ดูเหมือนจะไม่ใช่แค่การประชุมทวิภาคีเพื่อคลี่คลายความตึงเครียดชายแดนเหมือนที่ผ่านมา แต่กลับกลายเป็นเวทีที่ "มหาอำนาจ" อย่างจีนและสหรัฐฯ ต่างจับจ้อง และพยายามขอเข้าร่วมในฐานะผู้สังเกตการณ์

แม้จะอยู่ในสถานะ “สังเกตการณ์” ไม่ใช่ “คู่เจรจา” แต่การที่ทั้งสองชาติมหาอำนาจพร้อมใจกันเข้ามามีส่วนร่วมในเวทีที่ควรมีแค่ไทยกับกัมพูชา กำลังทำให้เกิดคำถามสำคัญว่า GBC ครั้งนี้ จะยังอยู่ในกรอบเจรจาที่เป็นเวทีทวิภาคีได้จริงหรือไม่

 

สรุปข่าว

GBC ไทย-กัมพูชา: เวทีทวิภาคีที่มหาอำนาจอยากเข้าร่วม

การประชุม GBC (General Border Committee) ระหว่างไทยและกัมพูชา ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 4-7 สิงหาคมนี้ ที่ประเทศมาเลเซีย ดูเหมือนจะไม่ใช่แค่การประชุมทวิภาคีเพื่อคลี่คลายความตึงเครียดชายแดนเหมือนที่ผ่านมา แต่กลับกลายเป็นเวทีที่ "มหาอำนาจ" อย่างจีนและสหรัฐฯ ต่างจับจ้อง และพยายามขอเข้าร่วมในฐานะผู้สังเกตการณ์

แม้จะอยู่ในสถานะ “สังเกตการณ์” ไม่ใช่ “คู่เจรจา” แต่การที่ทั้งสองชาติมหาอำนาจพร้อมใจกันเข้ามามีส่วนร่วมในเวทีที่ควรมีแค่ไทยกับกัมพูชา กำลังทำให้เกิดคำถามสำคัญว่า GBC ครั้งนี้ จะยังอยู่ในกรอบเจรจาที่เป็นเวทีทวิภาคีได้จริงหรือไม่

 

จากข้อพิพาทชายแดนสู่เกมของมหาอำนาจ

รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร ผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และ ความมั่นคง ให้สัมภาษณ์ในรายการข่าว TNN ช่อง 16 ชี้ว่าการเข้าร่วมประชุม GBC กับกัมพูชาครั้งนี้ มีความสำคัญอย่างมาก โดยต้องให้ความสำคัญกับเงื่อนไขการเจรจาที่ต้องไม่ให้ไทยเสียเปรียบทั้งสมรภูมิรบและเวทีโลก ดังเช่นการเจรจาหยุดยิงระหว่างไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 28 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นบทเรียนสำคัญที่ให้ต้องวางกรอบกําหนดกรอบกติกาให้ดีขึ้นกว่าเดิม 

รศ.ปณิธาน เห็นว่าการที่ชาติมหาอำนจอย่างจีนและสหรัฐฯ ปักธงเข้าร่วมในเวที GBC ซึ่งควรเป็นเวทีทวิภาคี เพื่อหารือทางทหารและความมั่นคงระหว่าง ไทย–กัมพูชา เพียงสองประเทศ อาจก่อให้เกิดความไม่สบายใจในหลายฝ่าย เนื่องจากเป็นการเปิดช่องให้เวทีนี้กลายเป็นพื้นที่แข่งขันของอำนาจนอกภูมิภาค

แม้จะไม่มีสิทธิให้ข้อเสนอแนะอย่างเป็นทางการ แต่การที่ จีนและ สหรัฐฯ เข้ามานั่งในห้องประชุมย่อมส่งผลโดยตรงต่อบรรยากาศ ความกดดัน และการตัดสินใจในเวทีที่เคยเป็นเรื่องภายในของอาเซียนอย่างชัดเจน ทำให้การวางบทบาทของ 2 ชาติผู้สังเกตการณ์ต้องมีความระมัดระวังอย่างยิ่ง 


ไทยควรวางเกมอย่างไร?

ผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และ ความมั่นคง มองว่าการประชุม GBC ครั้งนี้ไทยควรใช้เวทีนี้เป็นโอกาสในการชี้แจงจุดยืน และ ควบคุมกรอบการสื่อสารอย่างรัดกุม เพื่อไม่ให้เกิดกรณีชิงแถลงการณ์ตัดหน้า เหมือนที่เคยเกิดขึ้นกับเวที JBC (Joint Boundary Committee) ซึ่งสร้างความสับสนในประชาคมระหว่างประเทศ

โดยฝ่ายไทยควรจัดตั้งชุดสื่อสารพิเศษทำหน้าที่แถลงข่าวอย่างรวดเร็วและสอดคล้องกัน รวมทั้งทำความเข้าใจกับประเทศเจ้าภาพอย่างมาเลเซีย เพื่อให้การแถลงข่าวของสองฝ่ายเกิดขึ้นในรูปแบบที่มีความสอดคล้องกัน ไม่ใช่เป็นเวทีแข่งกันแถลงคนละมุมอย่างที่ผ่านมา

อีกด้านหนึ่ง ไทยยังสามารถผลักดันให้การประชุม GBC ในระดับชาติ ปูทางไปสู่การประชุม RBC (Regional Border Committee) หรือการหารือชายแดนในระดับพื้นที่ ที่สามารถสร้างกลไกการประสานงานในระดับท้องถิ่น ลดโอกาสเกิดเหตุเผชิญหน้าโดยไม่จำเป็น และวางรากฐานสันติภาพในระยะยาว

กาประชุม GBC ครั้งนี้จึงถือเป็นหมากการเมืองที่สำคัญของไทย ในการช่วงชิงความได้เปรียบ และ สร้างความชอบธรรมด้วยหลักฐาน ข้อเท็จจริง ส่วนการที่มีจีนและสหรัฐฯ เข้ามานั่งในวง GBC ไม่ใช่เพียงเรื่องของ การสังเกตการณ์เท่านั้น แต่เป็นสัญญาณว่าเวทีนี้กำลังถูกจับตามองจากระดับโลก  หมากตานี้ของไทยจึงสำคัญยิ่งนัก

ที่มาข้อมูล : TNN

ที่มารูปภาพ : ทำเนียรัฐบาล