จากโลกาภิวัตน์สู่โลกหลายเส้นทาง ไทยต้องเลือกเป็น “จุดเชื่อม” ไม่ใช่ผู้ตาม

จากโลกาภิวัตน์สู่โลกหลายเส้นทาง ไทยต้องเลือกเป็น “จุดเชื่อม” ไม่ใช่ผู้ตาม

งานสัมมนา Transforming Thailand จัดโดย สถานีข่าวโทรทัศน์ TNN ช่อง 16 เนื่องในโอกาสครบรอบ 18 ปี ได้เปิดเวทีใหญ่ในหัวข้อ ประเทศไทย 2035 อ่านเกมภูมิรัฐศาสตร์โลกในทศวรรษใหม่ โดยมีนักวิชาการและผู้บริหารระดับแนวหน้า ได้แก่

  • ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อาร์ม ตั้งนิรันดร นักวิชาการด้านจีน คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
  • ดร.สันติธาร เสถียรไทย ที่ปรึกษาด้าน Future Economy สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI)
  • ดร.ฐิติมา ชูเชิด ผู้อำนวยการอาวุโส ผู้บริหารฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจมหภาค ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์
  • คุณจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)

สรุปข่าว

เวที Transforming Thailand ชี้ทศวรรษหน้าโลกหลายขั้ว ศึกเทคโนโลยีสหรัฐ จีน ยืดเยื้อ ไทยต้องรุกดึงลงทุนคุณภาพ สร้างเนื้อหาท้องถิ่น ยกระดับเทคโนโลยีและดีไซน์ ต่อท่อบริการท่องเที่ยวคุณภาพ พัฒนาระบบการเงินท้องถิ่น ใช้กรอบอาเซียนขับเคลื่อนซัพพลายเชนและมาตรฐานร่วม

งานสัมมนา Transforming Thailand จัดโดย สถานีข่าวโทรทัศน์ TNN ช่อง 16 เนื่องในโอกาสครบรอบ 18 ปี ได้เปิดเวทีใหญ่ในหัวข้อ ประเทศไทย 2035 อ่านเกมภูมิรัฐศาสตร์โลกในทศวรรษใหม่ โดยมีนักวิชาการและผู้บริหารระดับแนวหน้า ได้แก่

  • ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อาร์ม ตั้งนิรันดร นักวิชาการด้านจีน คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
  • ดร.สันติธาร เสถียรไทย ที่ปรึกษาด้าน Future Economy สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI)
  • ดร.ฐิติมา ชูเชิด ผู้อำนวยการอาวุโส ผู้บริหารฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจมหภาค ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์
  • คุณจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)


ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อาร์ม ตั้งนิรันดร กล่าวว่าความขัดแย้งระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนเป็นการแข่งขันระยะยาวที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ แม้จะมีการเจรจาระยะสั้น แต่แนวโน้มการตั้งกำแพงภาษีและการย้ายฐานการผลิตกลับประเทศยังดำเนินต่อ โดยมองว่าโลกกำลังเข้าสู่ช่วงแข่งขันเชิงโครงสร้างที่ยาวนานกว่า 30 ปี ไทยจึงต้องวางยุทธศาสตร์คัดกรองการลงทุนจากจีนให้ได้ทุนที่มีคุณภาพ และใช้โอกาสสร้างห่วงโซ่อุปทานใหม่ที่เชื่อมโยงกับการผลิต เทคโนโลยี และซอฟต์พาวเวอร์สินค้า

ดร.สันติธาร เสถียรไทย ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจอนาคต สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) อธิบายว่า ยุคทองของการค้าเสรีที่เคยเป็นเสาหลักของโลกาภิวัตน์ได้สิ้นสุดลงแล้ว และทศวรรษข้างหน้าจะเป็นยุคแห่งความเปลี่ยนแปลงใหม่ที่ไทยต้องเรียนรู้และปรับตัว เขามองว่าอนาคตของโลกการค้าจะมีความสำคัญใน 3 มิติหลัก

ประการแรก การค้าโลกจะไม่เป็นเส้นทางเดียวที่เชื่อมโยงทั้งหมดอีกต่อไป แต่จะเกิดเป็นเครือข่ายหลายเส้นทาง ประเทศอย่างไทยจึงต้องหาทางยืนอยู่ใน “จุดเชื่อม” เพื่อรักษาบทบาททางยุทธศาสตร์ ไม่เช่นนั้นจะถูกทิ้งไว้ข้างหลัง

ประการที่สอง โลกกำลังถูกแบ่งออกเป็นหลายขั้ว เดิมทีแบ่งเพียงสามส่วน แต่ปัจจุบันมีอย่างน้อยสี่ส่วน ได้แก่ ตลาดจีนซึ่งมีบทบาทสูงในฐานะศูนย์กลางซัพพลายเชน, ตลาดสหรัฐอเมริกาที่เป็นผู้บริโภครายใหญ่ และกลุ่มประเทศที่เหลือกว่า 55% ของเศรษฐกิจโลกซึ่งเป็น “พื้นที่สร้างมิตรภาพใหม่” ของไทย เขาย้ำว่านี่คือโอกาสสำคัญที่ไทยต้องเร่งเจรจาและสร้างพันธมิตรใหม่ ไม่เพียงกับมหาอำนาจแต่รวมถึงยุโรปและประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ด้วย

ประการที่สาม รูปแบบการค้าในอนาคตจะไม่จำกัดแค่สินค้า แต่จะขยายสู่บริการ โดยเฉพาะการเดินทางและการท่องเที่ยว ซึ่งยังคงเติบโตได้ดีกว่าการค้าสินค้าทั่วไป ข้อมูลล่าสุดสะท้อนว่าการท่องเที่ยวโลกฟื้นตัวเร็วและขยายตัวสูงกว่าช่วงก่อนโควิด-19 นี่จึงเป็นพื้นที่ที่ไทยควรใช้ความได้เปรียบด้านบริการต่อยอดเศรษฐกิจในทศวรรษหน้า

ดร.ฐิติมา ชูเชิด ในฐานะผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจมหภาค ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า โลกในอีก 10 ปีข้างหน้าจะเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน และกำลังเปลี่ยนเข้าสู่ยุคหลายขั้วอย่างชัดเจน ปัจจุบันโลกแบ่งออกเป็น “ขั้วน้ำเงิน” คือสหรัฐอเมริกา, “ขั้วแดง” คือจีน และ “ขั้วเทา” ที่ไทยยืนอยู่ตรงกลาง ซึ่งแม้ไทยอาจได้รับประโยชน์จากการเป็นสะพานเชื่อม แต่ความซับซ้อนของการแข่งขันระหว่างมหาอำนาจย่อมกระทบต่อธุรกิจและประชาชนโดยตรง

โดยระบุว่า นัยยะสำคัญที่ประเทศไทยต้องเฝ้าระวังมี 4 ประการ ได้แก่

ทิศทางการลงทุนโลก ที่เปลี่ยนไปจากเดิมที่เค้กเศรษฐกิจขยายตัวต่อเนื่อง แต่เมื่อภูมิรัฐศาสตร์เข้ามาเกี่ยวข้อง กลับทำให้เค้กเล็กลง และการค้าระหว่างขั้วลดน้อยลง ขณะที่การค้าภายในขั้วหรือระหว่างประเทศพันธมิตรใกล้ชิดจะเพิ่มความสำคัญ

การเปลี่ยนศูนย์กลางเศรษฐกิจโลก ซึ่งไม่กระจุกตัวเหมือนเดิม แต่เคลื่อนย้ายอย่างต่อเนื่อง ไทยจึงต้องจับตาเพื่อไม่ให้พลาดการลงทุนเชิงยุทธศาสตร์

การลดลงของความร่วมมือระหว่างประเทศ อันเนื่องมาจากค่านิยมที่เปลี่ยนไป แต่ละประเทศต่างพยายามปกป้องผลประโยชน์ตัวเองมากขึ้น

ความเปลี่ยนแปลงในระบบการเงินโลก โดยเฉพาะการที่สหรัฐอเมริกาใช้เงินดอลลาร์เป็นเครื่องมือทางการเมือง ทำให้เกิดกระแส “การลดบทบาทดอลลาร์” หรือ de-dollarization ซึ่งกำลังเร่งตัวขึ้น และสร้างความเสี่ยงใหม่ให้กับการค้าการลงทุน

ในมุมภาคธุรกิจ คุณจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เห็นว่าความก้าวหน้าของเทคโนโลยีทำให้วัฏจักรเศรษฐกิจสั้นลงและเปลี่ยนเร็วขึ้น ประเทศไทยต้องปรับตัวเชิงรุก ไม่ยอมเป็นผู้ตาม แต่ใช้โอกาสดึงการลงทุนในอุตสาหกรรมอนาคต เช่น อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องมือแพทย์ โลจิสติกส์อัจฉริยะ และพลังงานสะอาด ควบคู่กับการสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับความเปลี่ยนแปลง


นอกจากนี้ ผู้ร่วมเสวนายังมองตรงกันว่า สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ต้องเร่งฟื้นพลังความร่วมมือ หลังวิกฤตโควิด–19 ที่หลายประเทศต่างหันมาดูแลตัวเอง กลไกการรวมตลาดและการสร้างมาตรฐานร่วมจึงเป็นการบ้านสำคัญ ไทยควรเปลี่ยนจากการรับเป็นการรุก ใช้จังหวะที่สหรัฐอเมริกาและจีนต่างต้องการพันธมิตร เพื่อยกระดับห่วงโซ่อุปทาน การเงินดิจิทัล และความร่วมมือด้านเศรษฐกิจของภูมิภาค

ที่มาข้อมูล : TNN

ที่มารูปภาพ : TNN

บรรณาธิการออนไลน์