แก้รัฐธรรมนูญใหม่ สสร.จะเป็นแบบไหน ? สรุปโมเดล สสร.ของแต่ละพรรค

แก้รัฐธรรมนูญใหม่ สสร.จะเป็นแบบไหน ? สรุปโมเดล สสร.ของแต่ละพรรค

หลังได้รัฐบาลใหม่ วาระการแก้ไข และร่างรัฐธรรมนูญใหม่ กำลังจะถูกบรรจุเข้าสู่สภาอีกครั้งในวันที่ 24 กันยานี้ แต่สิ่งสำคัญ ที่ยังต้องถกเถียงกัน คือโมเดล และรูปแบบของการเลือก สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ สสร. ที่แต่ละพรรคยังมีความเห็นที่แตกต่างกัน 

สสร.สำคัญแค่ไหน ประชาชนเป็นผู้เลือกเองได้ไหม เพื่อให้รัฐธรรมนูญเป็นฉบับประชาชน และแต่ละพรรคมีโมเดลหน้าตาอย่างไร ?

สสร.ไทยในอดีต ที่ประชาชนไม่เคยเป็นผู้เลือกโดยตรง

นับตั้งแต่ไทยมีรัฐธรรนูญฉบับแรก เราเคยมีสภาร่างรัฐธรรมนูญมาแล้ว ทั้งหมด 4 ชุด ในปี 2491, 2502, 2539 และ 2550 โดยแต่ละชุดก็มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ที่ต่างกัน ทั้งในอำนาจหน้าที่ และกรอบในการทำงาน และการสรรหา สสร.

โดย มี สสร. จำนวน 2 ชุดที่ถูกเลือกตั้งโดยสมาชิกรัฐสภา ขณะที่อีก 2 ชุดนั้นมาจากการแต่งตั้งโดยคณะรัฐประหาร แต่ไทยยังไม่เคยมี สสร. จากการเลือกตั้งของประชาชนแม้แต่ครั้งเดียว และยังไม่เคยมีรัฐธรรมนูญที่มาจากการยกร่างโดยคนที่ประชาชนเลือกตั้งมาเลยแม้แต่ครั้งเดียว

แต่ล่าสุดศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่า ห้ามประชาชนเลือก สสร.โดยตรง จนเกิดเป็นคำถามว่า ครั้งนี้ สสร.จากประชาชน ก็ถูกปิดทางอีกหรือไม่ และศาลรัฐธรรมนูญมีผลบังคับใช้จริงแค่ไหน ?

ประเด็นนี้ ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล นักวิชาการกฎหมายและการเมือง และ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์  ได้ให้สัมภาษณ์กับ TNN Online ไว้ว่า หากรัฐสภาไม่ให้ประชาชนเป็นผู้เลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญโดยตรงก็ ต้องเลือกตั้งโดยอ้อม แต่ (Indirect election )  กระทำได้ผ่าน 3 วิธี

1. ให้ประชาชนเลือกสภาผู้เลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญ ไปเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญอีกที 
เหมือนการเลือกตั้งในสหรัฐฯ ที่ประชาชนเลือกคณะผู้เลือกตั้งไปเลือกประธานาธิบดีอีกที
หรือการเลือกนายกฯ ที่ประชาชนเลือกทางอ้อม ผ่าน สส. ให้ สส. ไปเลือกนายกฯ แทน 

2. ให้ สส. เลือกคณะผู้ร่างรัฐธรรมนูญ (เพราะ สส.มาจากการเลือกของประชาชนอยู่แล้ว)
แต่ข้อนี้ จะมีข้อเสียว่า ถ้าหากมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่อาจกระทบต่อประโยชน์ สส. 
ก็จะทำได้ยาก ดังนั้นความจริงควรให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องโดยตรงมาร่าง 
และต้องการเสียง สว. 1 ใน 3 รับรองจึงแก้ได้ แต่วิธีนี้ก็ดูเป็นไปได้ยาก

3. ให้รัฐสภา (สส.+สว.) เป็นผู้เลือก คณะผู้ร่างรัฐธรรมนูญ  
(เหมือน สสร. ปี 2539 >> ได้ รธน. 2540) 
แต่วิธีนี้ ก็จะมีปัญหาตรงที่ สว. ในปัจจุบัน ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน  

แต่ถึงอย่างนั้น อ.ปริญญาก็ตั้งคำถามว่า ศาลรัฐธรรมนูญ เอาอำนาจใดมาห้ามไม่ให้ สสร. มาจากการเลือกตั้งประชาชนโดยตรง  คำตอบคือไม่มี และ รัฐสภาไม่ได้ถามประเด็นนี้ด้วย ถามแค่ทำประชามติกี่ครั้ง ? 

ขณะที่ด้านภาคประชาชน หรือเครือข่ายประชาชนร่างรัฐธรรมนูญ (Con for All) ก็ยังคงเรียกร้องว่า อำนาจกำหนดกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่เป็นของประชาชน และประชาชนจะให้อำนาจนั้นผ่านรัฐสภา โดยที่ศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจแทรกแซง และความเห็นของศาลรัฐธรรมนูญที่นอกเหนือคำวินิจฉัย ย่อมไม่มีผลผูกพันกับทุกองค์กรในรัฐสภาเช่นกัน 



สรุปข่าว

ในประเด็นการแก้รัฐธรรมนูญ แต่ละพรรคเริ่มเสนอวิธีการเลือก สสร. หรือสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งต่างก็แตกต่างกันที่จำนวน และที่มา ซึ่งหากประเด็นนี้ถูกบรรจุเข้าสภา จะต้องมีการถกเถียงกันต่อไป รวมถึงประเด็นว่าประชาชนเป็นผู้เลือก สสร.ได้หรือไม่

หลังได้รัฐบาลใหม่ วาระการแก้ไข และร่างรัฐธรรมนูญใหม่ กำลังจะถูกบรรจุเข้าสู่สภาอีกครั้งในวันที่ 24 กันยานี้ แต่สิ่งสำคัญ ที่ยังต้องถกเถียงกัน คือโมเดล และรูปแบบของการเลือก สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ สสร. ที่แต่ละพรรคยังมีความเห็นที่แตกต่างกัน 

สสร.สำคัญแค่ไหน ประชาชนเป็นผู้เลือกเองได้ไหม เพื่อให้รัฐธรรมนูญเป็นฉบับประชาชน และแต่ละพรรคมีโมเดลหน้าตาอย่างไร ?

สสร.ไทยในอดีต ที่ประชาชนไม่เคยเป็นผู้เลือกโดยตรง

นับตั้งแต่ไทยมีรัฐธรรนูญฉบับแรก เราเคยมีสภาร่างรัฐธรรมนูญมาแล้ว ทั้งหมด 4 ชุด ในปี 2491, 2502, 2539 และ 2550 โดยแต่ละชุดก็มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ที่ต่างกัน ทั้งในอำนาจหน้าที่ และกรอบในการทำงาน และการสรรหา สสร.

โดย มี สสร. จำนวน 2 ชุดที่ถูกเลือกตั้งโดยสมาชิกรัฐสภา ขณะที่อีก 2 ชุดนั้นมาจากการแต่งตั้งโดยคณะรัฐประหาร แต่ไทยยังไม่เคยมี สสร. จากการเลือกตั้งของประชาชนแม้แต่ครั้งเดียว และยังไม่เคยมีรัฐธรรมนูญที่มาจากการยกร่างโดยคนที่ประชาชนเลือกตั้งมาเลยแม้แต่ครั้งเดียว

แต่ล่าสุดศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่า ห้ามประชาชนเลือก สสร.โดยตรง จนเกิดเป็นคำถามว่า ครั้งนี้ สสร.จากประชาชน ก็ถูกปิดทางอีกหรือไม่ และศาลรัฐธรรมนูญมีผลบังคับใช้จริงแค่ไหน ?

ประเด็นนี้ ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล นักวิชาการกฎหมายและการเมือง และ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์  ได้ให้สัมภาษณ์กับ TNN Online ไว้ว่า หากรัฐสภาไม่ให้ประชาชนเป็นผู้เลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญโดยตรงก็ ต้องเลือกตั้งโดยอ้อม แต่ (Indirect election )  กระทำได้ผ่าน 3 วิธี

1. ให้ประชาชนเลือกสภาผู้เลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญ ไปเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญอีกที 
เหมือนการเลือกตั้งในสหรัฐฯ ที่ประชาชนเลือกคณะผู้เลือกตั้งไปเลือกประธานาธิบดีอีกที
หรือการเลือกนายกฯ ที่ประชาชนเลือกทางอ้อม ผ่าน สส. ให้ สส. ไปเลือกนายกฯ แทน 

2. ให้ สส. เลือกคณะผู้ร่างรัฐธรรมนูญ (เพราะ สส.มาจากการเลือกของประชาชนอยู่แล้ว)
แต่ข้อนี้ จะมีข้อเสียว่า ถ้าหากมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่อาจกระทบต่อประโยชน์ สส. 
ก็จะทำได้ยาก ดังนั้นความจริงควรให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องโดยตรงมาร่าง 
และต้องการเสียง สว. 1 ใน 3 รับรองจึงแก้ได้ แต่วิธีนี้ก็ดูเป็นไปได้ยาก

3. ให้รัฐสภา (สส.+สว.) เป็นผู้เลือก คณะผู้ร่างรัฐธรรมนูญ  
(เหมือน สสร. ปี 2539 >> ได้ รธน. 2540) 
แต่วิธีนี้ ก็จะมีปัญหาตรงที่ สว. ในปัจจุบัน ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน  

แต่ถึงอย่างนั้น อ.ปริญญาก็ตั้งคำถามว่า ศาลรัฐธรรมนูญ เอาอำนาจใดมาห้ามไม่ให้ สสร. มาจากการเลือกตั้งประชาชนโดยตรง  คำตอบคือไม่มี และ รัฐสภาไม่ได้ถามประเด็นนี้ด้วย ถามแค่ทำประชามติกี่ครั้ง ? 

ขณะที่ด้านภาคประชาชน หรือเครือข่ายประชาชนร่างรัฐธรรมนูญ (Con for All) ก็ยังคงเรียกร้องว่า อำนาจกำหนดกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่เป็นของประชาชน และประชาชนจะให้อำนาจนั้นผ่านรัฐสภา โดยที่ศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจแทรกแซง และความเห็นของศาลรัฐธรรมนูญที่นอกเหนือคำวินิจฉัย ย่อมไม่มีผลผูกพันกับทุกองค์กรในรัฐสภาเช่นกัน 



โมเดล สสร.ของแต่ละพรรคการเมือง  

เมื่อประเด็นแก้ไขรัฐธรรมนูญ ถูกหยิบยกมาพูดถึง แต่ละพรรคก็ได้ออกมาพูดถึงโมเดลการเลือก สสร.ที่แต่ละพรรคนำเสนอ 

พรรคภูมิใจไทย - จำนวน สสร. 99 คน

  • ยึดมาจากโมเดลการแก้รัฐธรรมนูญ ปี 2539 เพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญปี 2540 เป็นตัวตั้ง 

  • ใครอยากเป็นสสร.แต่ละจังหวัด ให้มาสมัคร จากนั้น กกต.จะรวบรวมรายชื่อทั้งหมดของแต่ละจังหวัด เสนอให้รัฐสภาเลือก จังหวัดละ 1 คน เพื่อเป็นตัวแทนจังหวัด 77 คน 

  • มีกลุ่มนักวิชาการซึ่งแบ่งเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มนักนิติศาสตร์ กลุ่มนักรัฐศาสตร์ และกลุ่มผู้เชี่ยวชาญ ที่ให้ลงสมัครจากจังหวัด และเลือกให้เหลือ 22 คน แบ่งเป็นจากนิติศาสตร์ 7 คน จากรัฐศาสตร์ 7 คน และกลุ่มผู้เชี่ยวชาญ 8 คน

  • เมื่อได้ สสร. 99 คน จะให้ สสร. ไปสรรหากรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ จำนวน 25 คน มาจาก สสร. 2 ใน 3 ของสภาฯ และมาจากผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อทำหน้าที่ยกร่างรัฐธรรมนูญ

พรรคเพื่อไทย - จำนวน สสร. ราว 143 คน

  • เสนอเพิ่มหมวด 15/1 เพื่อกำหนดที่มาของ สสร. เท่านั้น

  • 100 คน จากประชาชนเลือกทางอ้อม ซึ่งให้ประชาชนเลือก 200 คน และ รัฐสภาคัดเหลือ 100 

  • รับสมัครจากคณะนิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ ตัวแทนองค์กรภาคประชาชน และตัวแทนวิชาชีพ และให้คัดสรรกันเองให้เหลือ 40 คน

  • กลุ่มวิชาการ 40 คนจะเป็นเป็นกรรมมาธิการยกร่าง หรือ กรธ. ส่งรัฐสภาเห็นชอบ

พรรคประชาชน - จำนวน สสร. 135 คน

  • กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ 35 คน

  • เลือกผ่านระบบรายชื่อ ผู้ได้คะแนนสูงสุด 70 อันดับ ส่งให้รัฐสภาพิจารณา และลงมติในสภาเหลือ 35 คน 

  • สภาที่ปรึกษาจากตัวแทน “จังหวัด” 100 คน

  • ขั้นตอนการเลือก คือรับสมัครแบบระบบเขต จังหวัดละไม่เกิน 5 คน และคัดเลือก 100 คน เป็น “สภาที่ปรึกษา”

แต่ตอนนี้ก็มีการแสดงความกังวลต่อโมเดลของแต่ละพรรค ว่ามีข้อเสีย และผลที่ต่างกันไป โดยพริษฐ์ วัชรสินธุ สส. บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคประชาชน มองว่าโมเดลของพรรคภูมิใจไทย ไม่มีประชาชนเป็นส่วนร่วมเลย และมีความเสี่ยงผูกขาดคนไปเป็น สสร. หรือ คณะกรรมการยกร่าง

ขณะที่โมเดลของเพื่อไทย และประชาชนนั้น ก็ถูกมองว่า เป็นการเลือกตั้งสองขั้น ที่ซับซ้อน และของพรรคประชาชนเองนั้น ยังเสี่ยงที่กรรมาธิการยกร่าง และสภาที่ปรึกษาจะคิดต่างกันด้วย 

ที่มาข้อมูล : TNN Online รวบรวม

ที่มารูปภาพ : Envato