“เลือกตั้ง 69” คนไทยต้องกาบัตร 4 ใบ มีอะไรบ้างที่เราควรรู้ ?

ใบแรก จะเป็นบัตรเลือกตั้ง สส.แบบแบ่งเขต หากเราอยากจะให้ผู้สมัครคนไหน เข้ามาดูแลพื้นที่เราอาศัยอยู่ ก็เลือกคนนั้นได้เลย ซึ่งจะแบ่งเป็นทั้งหมด 400 เขต 

ใบที่ 2 คือ บัตรเลือกตั้ง สส.แบบบัญชีรายชื่อ หรือ ปาร์ตี้ลิสต์ ชอบพรรคไหน กาพรรคนั้น กกต. คำนวณจำนวน ส.ส. ตามสัดส่วนคะแนนที่แต่ละพรรคได้รับ จะมีทั้งหมด 100 คน 

ใบที่ 3 คือ การลงประชามติจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จะประกอบด้วย 2 คำถามในบัตรเดียวกัน คือ 

1. เห็นชอบให้จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ 

2. เห็นชอบวิธีการและเนื้อหาสาระที่รัฐสภาทำร่างรัฐธรรมนูญ หมวด 15/1 มาแล้วหรือไม่ 

พร้อมยืนยันว่า การแก้ไขครั้งนี้ จะไม่แตะต้องหมวดที่ 1 และ 2 ของรัฐธรรมนูญ 

ส่วนใบสุดท้าย คือ เห็นชอบให้ยกเลิก MOU 43-44 ที่ทำกับกัมพูชาก่อนหน้านี้ หรือไม่ 

บวรศักดิ์ ชี้ว่า เรื่องสำคัญเช่นนี้ ไม่ควรให้รัฐบาลเฉพาะกิจตัดสินใจเอง แต่ควรขอฉันทานุมัติจากประชาชนตามมาตรา 166 ของรัฐธรรมนูญ หากประชาชนต้องการยกเลิก รัฐบาลก็ต้องยกเลิก แต่หากประชาชนเห็นว่าควรเก็บไว้ รัฐบาลก็ต้องปฏิบัติตาม เพราะประชาชนคือเจ้าของอำนาจอธิปไตย

การเลือกตั้งทั่วไปครั้งนี้ นับว่า เป็นครั้งแรกที่รัฐบาลพ่วงการทำประชามติ 2 วาระเข้าไปร่วมด้วย 

หากแนวคิดของบวรศักดิ์ เกิดขึ้นจริงโจทย์ใหญ่ของรัฐบาล คือการสร้างความเข้าใจ และความชัดเจนในการทำประชามติ ท่ามกลางบรรยากาศการเลือกตั้ง แข่งขันหาเสียงของพรรคการเมืองต่าง ๆ  ที่หวังชิงความได้เปรียบในการเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล 

จะทำอย่างไรไม่ให้ประชาชนเกิดความสับสน และจะบริหารการลงคะแนนและนับบัตรทั้ง 4 ใบอย่างไรให้มีประสิทธิภาพ ในการเลือกตั้งที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในเดือน มีนาคม หรือช้าสุดคือ ต้นเดือน เมษายน 2569

บวรศักดิ์ ให้ความเห็นเรื่องนี้เพิ่มเติมกับผู้สื่อข่าวว่า รัฐบาลทำคนเดียวไม่ได้ ต้องร่วมมือกับหลายฝ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ กกต. จำเป็นต้องมีการปรึกษาหารือกัน 

รัฐบาลอาจจะขอความร่วมมือจากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และให้บริษัท อสมท. และช่อง 11 จัดเวลาที่เท่าเทียมกันทุกวัน เพื่อประชาสัมพันธ์เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า มีเนื้อหาสาระอย่างไร รวมถึงการเห็นชอบยกเลิก MOU 43-44 ด้วย 

รองนายกฯ ย้ำด้วยว่า เขาเชื่อว่า คนไทยฉลาด จะไม่สับสนกับบัตรเลือกตั้ง 4 ใบ เพราะการจัดการเลือกตั้ง และการทำประชามติ 2 วาระร่วมกัน ถ้าจัดแยกกันต้องใช้งบครั้งละ 6 พันล้านบาท จัดแยกกัน 3 ครั้งก็เป็น 18,000 ล้านบาท แต่ทำครั้งเดียวใช้ 6 พันล้านบาท แล้วอาศัยความชัดเจนที่ กกต. ทำบัตรเลือกตั้ง ประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อ เชิญฝ่ายที่เห็นด้วย ไม่เห็นด้วยมาแสดงความเห็นอย่างเท่าเทียใกัน เชื่อว่า ถ้าอธิบายชัดเจน คนไทยฉลาด เรื่องแค่นี้ คนไทยทำได้ 

แหล่งข้อมูลอ้างอิง: 

https://youtu.be/JHXWGhGx3M4?t=10040
https://sootinclaimon.com/2025/09/30/%E0%B8%9A%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%A8%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%87%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%A1-3-%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%B2/