
โลกออนไลน์ตั้งคำถาม การพูดให้คนอื่นคิดสั้นเข้าข่ายผิดกฎหมายหรือไม่
ท่ามกลางกระแสข่าวการกลั่นแกล้งทั้งในชีวิตจริงและบนโลกออนไลน์ คำพูดรุนแรงที่ยุให้ผู้อื่น “จบชีวิตตัวเอง” ถูกตั้งคำถามมากขึ้นว่า เข้าข่ายความผิดตามกฎหมายหรือไม่ ด้านนักกฎหมายระบุว่า กฎหมายอาญาไทยมีบทบัญญัติรองรับชัดเจนใน มาตรา 292 และมาตรา 293 แต่การนำมาใช้จริงยังมีเงื่อนไขและข้อจำกัดหลายด้าน
มาตรา 293 เน้น “ยุยงหรือช่วยเหลือ” เด็กและผู้บกพร่องทางจิต
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 293 กำหนดโทษสำหรับผู้ที่ “ช่วยหรือยุยง” ให้
- เด็กอายุไม่เกิน 16 ปี
- ผู้ที่ไม่เข้าใจการกระทำของตนเอง หรือไม่สามารถบังคับการกระทำของตนได้
ฆ่าตัวตนเอง และมีการฆ่าตัวตายหรือพยายามฆ่าตัวตายเกิดขึ้นจริง ผู้กระทำมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นักกฎหมายอธิบายคำสำคัญในมาตรานี้ว่า
- “ช่วยเหลือ” คือการจัดหาเครื่องมือหรืออำนวยความสะดวกให้ผู้ที่ตัดสินใจคิดสั้นแล้ว เช่น หายาพิษให้นำไปใช้ จัดหาอาวุธ หรือเตรียมสถานที่
- “ยุยง” คือการใช้คำพูดหรือการกระทำที่ผลักดันให้เกิดความคิดฆ่าตัวตาย หรือทำให้ตัดสินใจลงมือ โดยมีน้ำหนักพอเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
อย่างไรก็ดี มาตรา 293 ใช้ได้เฉพาะกับกลุ่มเปราะบางที่ระบุไว้เท่านั้น ถ้าเป็นการยุยง ผู้ใหญ่ที่มีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ จะไม่เข้าองค์ประกอบของมาตรานี้โดยตรง
สรุปข่าว
โลกออนไลน์ตั้งคำถาม การพูดให้คนอื่นคิดสั้นเข้าข่ายผิดกฎหมายหรือไม่
ท่ามกลางกระแสข่าวการกลั่นแกล้งทั้งในชีวิตจริงและบนโลกออนไลน์ คำพูดรุนแรงที่ยุให้ผู้อื่น “จบชีวิตตัวเอง” ถูกตั้งคำถามมากขึ้นว่า เข้าข่ายความผิดตามกฎหมายหรือไม่ ด้านนักกฎหมายระบุว่า กฎหมายอาญาไทยมีบทบัญญัติรองรับชัดเจนใน มาตรา 292 และมาตรา 293 แต่การนำมาใช้จริงยังมีเงื่อนไขและข้อจำกัดหลายด้าน
มาตรา 293 เน้น “ยุยงหรือช่วยเหลือ” เด็กและผู้บกพร่องทางจิต
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 293 กำหนดโทษสำหรับผู้ที่ “ช่วยหรือยุยง” ให้
- เด็กอายุไม่เกิน 16 ปี
- ผู้ที่ไม่เข้าใจการกระทำของตนเอง หรือไม่สามารถบังคับการกระทำของตนได้
ฆ่าตัวตนเอง และมีการฆ่าตัวตายหรือพยายามฆ่าตัวตายเกิดขึ้นจริง ผู้กระทำมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นักกฎหมายอธิบายคำสำคัญในมาตรานี้ว่า
- “ช่วยเหลือ” คือการจัดหาเครื่องมือหรืออำนวยความสะดวกให้ผู้ที่ตัดสินใจคิดสั้นแล้ว เช่น หายาพิษให้นำไปใช้ จัดหาอาวุธ หรือเตรียมสถานที่
- “ยุยง” คือการใช้คำพูดหรือการกระทำที่ผลักดันให้เกิดความคิดฆ่าตัวตาย หรือทำให้ตัดสินใจลงมือ โดยมีน้ำหนักพอเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
อย่างไรก็ดี มาตรา 293 ใช้ได้เฉพาะกับกลุ่มเปราะบางที่ระบุไว้เท่านั้น ถ้าเป็นการยุยง ผู้ใหญ่ที่มีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ จะไม่เข้าองค์ประกอบของมาตรานี้โดยตรง
มาตรา 292 มุ่งกรณี “ทำทารุณคนที่ต้องพึ่งพา” จนคิดสั้น
อีกมาตราหนึ่งที่ถูกพูดถึงคือ มาตรา 292 ซึ่งเน้นกรณีผู้กระทำใช้ความทารุณหรือการกดขี่บีบคั้นต่อบุคคลที่ต้องพึ่งพาตนในชีวิตประจำวัน
กรณีที่เข้าองค์ประกอบ ได้แก่
1. ผู้กระทำปฏิบัติต่อเหยื่ออย่างทารุณ หรือใช้วิธีการที่ใกล้เคียงกับการทรมาน กดดัน กดขี่อย่างต่อเนื่อง
2. เหยื่อเป็นบุคคลที่ “ต้องพึ่งพา” ผู้กระทำ เช่น บุตร ผู้ดูแล ผู้ถูกเลี้ยงดู หรือผู้ที่อยู่ในอุปการะ
3. มีเจตนาให้เหยื่อฆ่าตัวตนเอง เพื่อหลีกหนีสภาพดังกล่าว
4. มีการฆ่าตัวตายหรือพยายามฆ่าตัวตายเกิดขึ้นจริง
หากเข้าองค์ประกอบครบถ้วน ผู้กระทำจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี และปรับไม่เกิน 140,000 บาท
นักกฎหมายชี้ว่า การพิสูจน์ “เจตนาให้ผู้อื่นฆ่าตัวตาย” เป็นประเด็นสำคัญที่ทำให้คดีลักษณะนี้ซับซ้อน ต้องอาศัยพยานหลักฐานจากพฤติกรรมต่อเนื่อง ข้อความ แชต หรือคำให้การของผู้เกี่ยวข้องประกอบกัน
Bullying และคอมเมนต์ออนไลน์ ปัญหากฎหมายตามไม่ทันพฤติกรรมเสี่ยง
กรณีการกลั่นแกล้งหรือ bullying ทั้งในโรงเรียน ที่ทำงาน และบนโซเชียลมีเดีย ถูกจับตามองมากขึ้น เมื่อมีเหตุผู้ถูกกลั่นแกล้งบางรายตัดสินใจจบชีวิตตัวเอง
อย่างไรก็ตาม การใช้มาตรา 292 และ 293 ยังเผชิญข้อจำกัดหลายประการ เช่น
- การกลั่นแกล้งจำนวนมากเป็นการ ทำร้ายทางจิตใจ ต่อเนื่อง ไม่ใช่การพูดยุให้ฆ่าตัวตายตรงๆ ทำให้ยากต่อการตีความว่าเข้าข่าย “ยุยง” ตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย
- มาตรา 293 ครอบคลุมเฉพาะเด็กอายุไม่เกิน 16 ปี หรือผู้บกพร่องทางจิตเท่านั้น หากเหยื่อเป็นวัยรุ่นตอนปลายหรือผู้ใหญ่ กฎหมายมาตรานี้อาจใช้ไม่ได้
- ผู้กระทำมักอ้างว่า “แค่ล้อเล่น” หรือไม่รู้ว่าคู่กรณีเป็นเด็กหรือมีปัญหาทางจิต ส่งผลให้การพิสูจน์เจตนาทางกฎหมายเป็นเรื่องท้าทาย
นักวิชาการด้านกฎหมายจำนวนหนึ่งจึงเห็นตรงกันว่า กฎหมายปัจจุบัน “คุ้มครองไม่ครอบคลุมความเสี่ยงจริงในโลกออนไลน์” โดยเฉพาะในยุคที่ข้อความสั้น ๆ สามารถส่งผลต่อสภาพจิตใจของเหยื่ออย่างรุนแรง
เทียบกฎหมายต่างประเทศ หลายประเทศเอาผิด “ยุให้ฆ่าตัวตาย” ได้กว้างกว่า
เมื่อพิจารณากฎหมายของประเทศอื่น พบว่าหลายแห่งกำหนดความผิดฐานยุยงให้ฆ่าตัวตายอย่างครอบคลุมกว่ากฎหมายไทย โดยไม่ได้จำกัดเฉพาะเด็กหรือผู้บกพร่องทางจิต
ตัวอย่างเช่น ในบางประเทศยุโรป หากมีการชักจูงหรือช่วยเหลือให้ผู้อื่นฆ่าตัวตาย และมีการลงมือจริง ผู้กระทำสามารถถูกดำเนินคดีได้แม้เหยื่อจะเป็นผู้ใหญ่ทั่วไปที่มีสติสัมปชัญญะดี
แนวโน้มดังกล่าวทำให้เกิดข้อเสนอในไทยว่า ควรพิจารณาปรับปรุง มาตรา 293 ให้ครอบคลุมบุคคลทั่วไปในวรรคแรก และให้กรณีที่เหยื่อเป็นเด็กหรือผู้บกพร่องทางจิตเป็นเหตุเพิ่มโทษ
แม้ไม่เข้าข่ายคดีอาญา ยังเสี่ยงถูกฟ้องแพ่งฐานละเมิด
แม้คดีจำนวนหนึ่งจะไม่เข้าองค์ประกอบความผิดทางอาญาตามมาตรา 292 หรือ 293 แต่ผู้กระทำยังอาจถูกฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่งได้ หากพฤติกรรมเข้าข่าย “ละเมิด” ทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหายทั้งต่อชื่อเสียง ร่างกาย หรือจิตใจ
ตัวอย่างเช่น ครอบครัวผู้เสียชีวิตอาจยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหายจากผู้ที่กลั่นแกล้ง ด่าทอ หรือประจานบนโซเชียลจนมีส่วนสำคัญต่อการตัดสินใจคิดสั้นของผู้ตาย ศาลจะพิจารณาว่าการกระทำมีส่วนร่วมอย่างมีนัยสำคัญต่อผลที่เกิดขึ้นหรือไม่
กฎหมายเพียงอย่างเดียวไม่พอ คำพูดปลอดภัยช่วยลดความเสี่ยง
ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตเตือนว่า แม้กฎหมายจะเป็นเครื่องมือหนึ่งในการป้องปราม แต่การใช้คำพูดอย่างรับผิดชอบยังเป็น “ด่านแรก” ที่สำคัญ โดยเฉพาะในยุคที่การคอมเมนต์หรือแชร์โพสต์ทำได้เพียงไม่กี่วินาที
หากพบคนใกล้ตัวมีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น พูดถึงการตายบ่อยครั้ง เก็บตัวมากผิดปกติ หรือมีอาการเครียดซึมเศร้ารุนแรง ควรแนะนำให้พบแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต และสามารถขอคำปรึกษาจากสายด่วนสุขภาพจิตของภาครัฐได้
บรรณาธิการออนไลน์
