ปรากฎการณ์พลังดูดสีน้ำเงิน อดีต สส. บ้านใหญ่ นักวิชาการมอง หวังเป็นพรรคอันดับ 1

Share on Line Share on Facebook Share on X
ปรากฎการณ์พลังดูดสีน้ำเงิน อดีต สส. บ้านใหญ่ นักวิชาการมอง หวังเป็นพรรคอันดับ 1

“พรรคภูมิใจไทยจะพยายามเป็นอันดับหนึ่ง หรือถ้าเป็นอันดับสอง ก็จะเป็นอันดับสองที่ใกล้เคียงมากพอที่จะอ้างว่าฉันมีความชอบธรรมพอที่จะจัดตั้งรัฐบาล”

นี่คือความเห็นของนักวิชาการ จากปรากฎการณ์ภูมิใจไทยเปิดบ้าน ต้อนรับนักการเมืองจากหลายพรรค หลายบ้านใหญ่ย้ายเข้า นับรายชื่อแล้วมากกว่า 80 คน เป็น อดีต สส.จากหลากหลายภาค แสดงให้เห็นถึงความต้องการกวาดคะแนนเสียง ถึงกับที่นักวิเคราะห์หลายคนมองว่า พรรคน้ำเงิน หวังอันดับ 1 ในการเลือกตั้งครั้งนี้ 

บ้านใหญ่บ้านไหน พื้นที่ใด ตบเท้าเข้าพรรคภูมิใจไทยบ้าง ? เพิ่มอำนาจ ความน่าจะกวาดคะแนนเสียงให้ภูมิใจไทยเท่าไหร่กัน 

นักการเมืองกลุ่มแรก ที่ถึงกับลาออกจากการเป็นอดีตหัวหน้าพรรค ย้ายค่ายเข้ามาเลยนั้น คือ วราวุธ ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ซึ่ง นำทีมอดีต สส.ชาติไทยพัฒนาเข้าสมัครเป็นสมาชิกพรรคอีก 12 คน ซึ่งล้วนแต่เป็น อดีต สส.ในจังหวัดสุพรรณ ทั้ง 5 เขต, อดีต สส.นครปฐม และอดีต สส.ร้อยเอ็ดอีก เรียกได้ว่าจะมาเสริมคะแนนในภาคกลางให้กับพรรคน้ำเงิน 

อาทิเช่น สรชัด สุจิตต์ (อดีต สส.สุพรรณบุรี เขต 1), ณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ (อดีต สส.สุพรรณบุรี เขต 2), นพดล มาตรศรี (อดีต สส.สุพรรณบุรี เขต 3), เสมอกัน เที่ยงธรรม (อดีต สส.สุพรรณบุรี เขต 4), ประภัตร โพธสุธน (อดีต สส.สุพรรณบุรี เขต 5), ศุภโชค ศรีสุขจร (อดีต สส.นครปฐม เขต 1), พาณุวัฒน์ สะสมทรัพย์ (อดีต สส.นครปฐม เขต 3), อนุชา สะสมทรัพย์ (อดีต สส.นครปฐม เขต 5), อนุรักษ์ จุรีมาศ (อดีต สส.ร้อยเอ็ด เขต 1) ฯลฯ

ด้านอดีตพรรครวมไทยสร้างชาติ แม้ว่าในช่วงอยู่ในพรรค ก๊กของสุชาติ ชมกลิ่น และเอกนัฏ พร้อมพันธ์จะมีการแตกคอกัน แต่สรุปแล้ว ทั้งสองก๊ก ก็พา สส.ในสังกัดตัวเอง ย้ายเข้ามาอยู่ใต้แบรนด์สีน้ำเงินทั้งคู่ 

โดยกลุ่มของสุชาติ ชมกลิ่นนั้น มีทั้งอดีต สส.บัญชีรายชื่อ และ อดีต สส.ภาคใต้ และภาคตะวันออก รวมแล้ว 17 คน อาทิเช่น ธนกร วังบุญคงชนะ อดีต สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ, เกรียงยศ สุดลาภา (อดีต สส.บัญชีรายชื่อ), ศาสตรา ศรีปาน (อดีต สส.สงขลา เขต 2), วัชระ ยาวอหะซัน (อดีต สส.นราธิวาส เขต 1), พิพิธ รัตนรักษ์ (อดีต สส.สุราษฎร์ธานี เขต 2), พันธ์ศักดิ์ บุญแทน (อดีต สส.สุราษฎร์ธานี เขต 4), พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล (อดีต สส.นครศรีธรรมราช เขต 10), ธิวัลรัตน์ อังกินันทน์ (อดีต สส.เพชรบุรี เขต 1), จ.อ.อภิชาติ แก้วโกศล (อดีต สส.เพชรบุรี เขต 3), กุลวลี นพอมรบดี (อดีต สส.ราชบุรี เขต 1), จิรวุฒิ สิงห์โตทอง (อดีต สส.ชลบุรี เขต 4) ฯลฯ

ขณะที่กลุ่มของ เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ อดีตเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาตินั้น ก็ย้ายเข้ามารวมแล้ว 18 คน เช่น จุติ ไกรฤกษ์ (อดีต สส.บัญชีรายชื่อ), อนุชา บูรพชัยศรี (อดีต สส.บัญชีรายชื่อ), ดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง (อดีต สส.บัญชีรายชื่อ), ศิริวรรณ ปราศจากศัตรู (อดีต สส.บัญชีรายชื่อ), พงษ์มนู ทองหนัก (อดีต สส.พิษณุโลก เขต 3), อัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ (อดีต สส.ราชบุรี เขต 4), วิชัย สุดสวาสดิ์ (อดีต สส.ชุมพร เขต 1), สุพล จุลใส (อดีต สส.ชุมพร เขต 3), กานสินี โอภาสรังสรรค์ (อดีต สส.สุราษฏร์ธานี เขต 1), ธานินท์ นวลวัฒน์ (อดีต สส.สุราษฏร์ธานี เขต 1), ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันท์ อดีต รมช.อุตสาหกรรม เป็นต้น

ไม่เพียงแค่กำลังจาก อดีต สส.ใต้ ของพรรครวมไทยสร้างชาติ แต่พรรคภูมิใจไทยยังได้ บ้านใหญ่ และกลุ่มก๊กจากทางใต้ของทั้งพลังประชารัฐ และประชาธิปัตย์มาด้วยอีกเช่นกัน 

จากกลุ่มของสันติ ปิยะทัต ที่ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ก่อนหน้านี้สังกัดพรรคพลังประชารัฐ พาอดีต สส.และว่าที่ผู้สมัคร สส.รวม 14 คน จาก 6 จังหวัดภาคใต้และภาคอีสาน เช่น ทวี สุระบาล (อดีต สส.ตรัง เขต 2), สุธรรม จริตงาม (อดีต สส.นครศรีธรรมราช เขต 6) และ คอชีย์ มามุ (อดีต สส.ปัตตานี เขต 2) เป็นต้น 

และจากกลุ่มของนิพนธ์ บุญญามณี อดีต รมช.มหาดไทย มาจากพรรคประชาธิปัตย์ รวมถึง สส.อีกส่วนหนึ่งจากพรรคนี้เช่นกัน รวมประมาณ 6 คน ทั้งสนธยา คุณปลื้ม บ้านใหญ่ชลบุรี ยังพานักการเมืองในสังกัดมาสมัครเข้าร่วมกับพรรคภูมิใจไทย 10 คน 

นอกจากนี้ยังมีอดีต สส. จากพรรคเพื่อไทย ซึ่งหลายคนพบว่ามีรายชื่อในการเปิดตัว สส.กับพรรคไปแล้วด้วย ก่อนจะลาออกภายหลัง 10 คน เช่น สุดารัตน์ พิทักษ์พรพัลลภ อดีต สส.อุบลฯ เขต 7 , นรากร นาเมืองรักษ์ อดีต สส.ร้อยเอ็ด เขต 4 และมนัสนันท์ หลีนวรัตน์ อดีต สส.ปทุมธานี เขต 6 ลูกชายบ้านใหญ่ของนายกฯ เบี้ยวรวมถึง อดีต สส.จากไทยสร้างไทย 3 คนด้วย 

สรุปข่าว

ภูมิใจไทยเปิดบ้านรับอดีต สส. และบ้านใหญ่จากหลายพรรค รวมแล้วกว่า 80 คน สะท้อนยุทธศาสตร์รวมศูนย์กำลังทางการเมืองก่อนเลือกตั้ง นักวิชาการมองว่าเป็นความพยายามปั้นพรรคให้มีที่นั่งมากพอเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล หรืออย่างน้อยต้องใกล้อันดับหนึ่ง อย่างไรก็ตาม การรวมกลุ่มนักการเมืองหลากหลายฐานอำนาจ อาจนำไปสู่ความท้าทายในการบริหารจัดการภายในพรรคในระยะยาว

“พรรคภูมิใจไทยจะพยายามเป็นอันดับหนึ่ง หรือถ้าเป็นอันดับสอง ก็จะเป็นอันดับสองที่ใกล้เคียงมากพอที่จะอ้างว่าฉันมีความชอบธรรมพอที่จะจัดตั้งรัฐบาล”

นี่คือความเห็นของนักวิชาการ จากปรากฎการณ์ภูมิใจไทยเปิดบ้าน ต้อนรับนักการเมืองจากหลายพรรค หลายบ้านใหญ่ย้ายเข้า นับรายชื่อแล้วมากกว่า 80 คน เป็น อดีต สส.จากหลากหลายภาค แสดงให้เห็นถึงความต้องการกวาดคะแนนเสียง ถึงกับที่นักวิเคราะห์หลายคนมองว่า พรรคน้ำเงิน หวังอันดับ 1 ในการเลือกตั้งครั้งนี้ 

บ้านใหญ่บ้านไหน พื้นที่ใด ตบเท้าเข้าพรรคภูมิใจไทยบ้าง ? เพิ่มอำนาจ ความน่าจะกวาดคะแนนเสียงให้ภูมิใจไทยเท่าไหร่กัน 

นักการเมืองกลุ่มแรก ที่ถึงกับลาออกจากการเป็นอดีตหัวหน้าพรรค ย้ายค่ายเข้ามาเลยนั้น คือ วราวุธ ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ซึ่ง นำทีมอดีต สส.ชาติไทยพัฒนาเข้าสมัครเป็นสมาชิกพรรคอีก 12 คน ซึ่งล้วนแต่เป็น อดีต สส.ในจังหวัดสุพรรณ ทั้ง 5 เขต, อดีต สส.นครปฐม และอดีต สส.ร้อยเอ็ดอีก เรียกได้ว่าจะมาเสริมคะแนนในภาคกลางให้กับพรรคน้ำเงิน 

อาทิเช่น สรชัด สุจิตต์ (อดีต สส.สุพรรณบุรี เขต 1), ณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ (อดีต สส.สุพรรณบุรี เขต 2), นพดล มาตรศรี (อดีต สส.สุพรรณบุรี เขต 3), เสมอกัน เที่ยงธรรม (อดีต สส.สุพรรณบุรี เขต 4), ประภัตร โพธสุธน (อดีต สส.สุพรรณบุรี เขต 5), ศุภโชค ศรีสุขจร (อดีต สส.นครปฐม เขต 1), พาณุวัฒน์ สะสมทรัพย์ (อดีต สส.นครปฐม เขต 3), อนุชา สะสมทรัพย์ (อดีต สส.นครปฐม เขต 5), อนุรักษ์ จุรีมาศ (อดีต สส.ร้อยเอ็ด เขต 1) ฯลฯ

ด้านอดีตพรรครวมไทยสร้างชาติ แม้ว่าในช่วงอยู่ในพรรค ก๊กของสุชาติ ชมกลิ่น และเอกนัฏ พร้อมพันธ์จะมีการแตกคอกัน แต่สรุปแล้ว ทั้งสองก๊ก ก็พา สส.ในสังกัดตัวเอง ย้ายเข้ามาอยู่ใต้แบรนด์สีน้ำเงินทั้งคู่ 

โดยกลุ่มของสุชาติ ชมกลิ่นนั้น มีทั้งอดีต สส.บัญชีรายชื่อ และ อดีต สส.ภาคใต้ และภาคตะวันออก รวมแล้ว 17 คน อาทิเช่น ธนกร วังบุญคงชนะ อดีต สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ, เกรียงยศ สุดลาภา (อดีต สส.บัญชีรายชื่อ), ศาสตรา ศรีปาน (อดีต สส.สงขลา เขต 2), วัชระ ยาวอหะซัน (อดีต สส.นราธิวาส เขต 1), พิพิธ รัตนรักษ์ (อดีต สส.สุราษฎร์ธานี เขต 2), พันธ์ศักดิ์ บุญแทน (อดีต สส.สุราษฎร์ธานี เขต 4), พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล (อดีต สส.นครศรีธรรมราช เขต 10), ธิวัลรัตน์ อังกินันทน์ (อดีต สส.เพชรบุรี เขต 1), จ.อ.อภิชาติ แก้วโกศล (อดีต สส.เพชรบุรี เขต 3), กุลวลี นพอมรบดี (อดีต สส.ราชบุรี เขต 1), จิรวุฒิ สิงห์โตทอง (อดีต สส.ชลบุรี เขต 4) ฯลฯ

ขณะที่กลุ่มของ เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ อดีตเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาตินั้น ก็ย้ายเข้ามารวมแล้ว 18 คน เช่น จุติ ไกรฤกษ์ (อดีต สส.บัญชีรายชื่อ), อนุชา บูรพชัยศรี (อดีต สส.บัญชีรายชื่อ), ดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง (อดีต สส.บัญชีรายชื่อ), ศิริวรรณ ปราศจากศัตรู (อดีต สส.บัญชีรายชื่อ), พงษ์มนู ทองหนัก (อดีต สส.พิษณุโลก เขต 3), อัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ (อดีต สส.ราชบุรี เขต 4), วิชัย สุดสวาสดิ์ (อดีต สส.ชุมพร เขต 1), สุพล จุลใส (อดีต สส.ชุมพร เขต 3), กานสินี โอภาสรังสรรค์ (อดีต สส.สุราษฏร์ธานี เขต 1), ธานินท์ นวลวัฒน์ (อดีต สส.สุราษฏร์ธานี เขต 1), ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันท์ อดีต รมช.อุตสาหกรรม เป็นต้น

ไม่เพียงแค่กำลังจาก อดีต สส.ใต้ ของพรรครวมไทยสร้างชาติ แต่พรรคภูมิใจไทยยังได้ บ้านใหญ่ และกลุ่มก๊กจากทางใต้ของทั้งพลังประชารัฐ และประชาธิปัตย์มาด้วยอีกเช่นกัน 

จากกลุ่มของสันติ ปิยะทัต ที่ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ก่อนหน้านี้สังกัดพรรคพลังประชารัฐ พาอดีต สส.และว่าที่ผู้สมัคร สส.รวม 14 คน จาก 6 จังหวัดภาคใต้และภาคอีสาน เช่น ทวี สุระบาล (อดีต สส.ตรัง เขต 2), สุธรรม จริตงาม (อดีต สส.นครศรีธรรมราช เขต 6) และ คอชีย์ มามุ (อดีต สส.ปัตตานี เขต 2) เป็นต้น 

และจากกลุ่มของนิพนธ์ บุญญามณี อดีต รมช.มหาดไทย มาจากพรรคประชาธิปัตย์ รวมถึง สส.อีกส่วนหนึ่งจากพรรคนี้เช่นกัน รวมประมาณ 6 คน ทั้งสนธยา คุณปลื้ม บ้านใหญ่ชลบุรี ยังพานักการเมืองในสังกัดมาสมัครเข้าร่วมกับพรรคภูมิใจไทย 10 คน 

นอกจากนี้ยังมีอดีต สส. จากพรรคเพื่อไทย ซึ่งหลายคนพบว่ามีรายชื่อในการเปิดตัว สส.กับพรรคไปแล้วด้วย ก่อนจะลาออกภายหลัง 10 คน เช่น สุดารัตน์ พิทักษ์พรพัลลภ อดีต สส.อุบลฯ เขต 7 , นรากร นาเมืองรักษ์ อดีต สส.ร้อยเอ็ด เขต 4 และมนัสนันท์ หลีนวรัตน์ อดีต สส.ปทุมธานี เขต 6 ลูกชายบ้านใหญ่ของนายกฯ เบี้ยวรวมถึง อดีต สส.จากไทยสร้างไทย 3 คนด้วย 

นักวิชาการมอง พลังดูดภูมิใจไทย หวังเป็นอันดับ 1 ในการเลือกตั้ง

นี่เป็นเพียงรายชื่อของเหล่านักการเมืองที่ย้ายเข้ามาในวันที่ 15 ธันวาคมที่ผ่านมา ยังไม่รวมศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ จากเพื่อไทยที่ย้ายมาก่อนหน้านี้ รวมไปถึงกลุ่มของสันติ พร้อมพัฒน์ จากพลังประชารัฐที่มาพร้อมลูกชาย ย้ายเข้าตั้งแต่เมื่อกลางปีด้วย 

ทำให้มีการประเมินว่า มีนักการเมืองย้ายเข้ามามากถึง 80 คน และจากพื้นที่แล้ว ภาคใต้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก จะเป็นพื้นที่ที่ภูมิใจไทยหวังปักธงจริงจัง

ศ.ดร.สิริพรรณ นกสวน สวัสดี คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ ให้สัมภาษณ์กับ TNN Online ถึงพลังดูดของภูมิใจไทยในครั้งนี้ว่า

“เราเห็นปรากฏการณ์ว่า ภูมิใจไทยพยายามดึงพรรคอื่น ๆ เข้ามาอยู่ภายใต้แบรนเดอร์ของสีน้ำเงิน ไม่ใช่ให้กระจัดกระจายแล้วมารวมหลังเลือกตั้งเนี่ย เพราะว่าต้องการให้ตัวเองเป็นพรรคที่มาเป็นอันดับหนึ่ง หรือใกล้อันดับหนึ่งมากที่สุด

เพราะว่า ถ้าเกิดการเลือกตั้งครั้งหน้า ปรากฏว่าพรรคอันดับหนึ่งไม่ได้เป็นการนำในการจัดตั้งรัฐบาลนะคะ ก็จะไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี คุณอนุทินก็จะเป็นแค่รัฐมนตรีชั่วคราว 3–4 เดือน ดังนั้น นี่คือความพยายามที่จะบอกว่า ครั้งหน้าเนี่ย อย่างไรก็ตาม พรรคภูมิใจไทยจะพยายามเป็นอันดับหนึ่ง หรือถ้าเป็นอันดับสอง ก็จะเป็นอันดับสองที่ใกล้เคียงมากพอที่จะอ้างว่าฉันมีความชอบธรรมพอที่จะจัดตั้งรัฐบาล”

ขณะทื่ผศ.ดร.วีระ หวังสัจจะโชค คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ก็มองโมเดลพลังดูดนี้ว่า เหมือนกับโมเดลที่ อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตรใช้ สมัยพรรคไทยรักไทย

 “ผมอยากให้เราเปรียบเทียบกับพรรคไทยรักไทยในอดีต ที่ชนะ 377 ที่นั่งด้วย การไปรวมพรรคเล็กพรรคน้อยมารวมกัน อย่างพรรคความหวังใหม่ พรรคนู่นพรรคนนี้ เลือกตั้งครั้งนั้นชนะเยอะมาก แต่พรรคบริหารได้แค่ปีเดียว มีแต่คนทะเลาะกัน แต่ละกลุ่ม แต่ละก้อนแย่งอำนาจกัน ก็ทำงานไม่ได้ สุดท้ายโดนรัฐประหาร พรรคภูมิใจไทยก็อาจจะกลับไปเป็นภาพเดิม เพราะว่าในอดีตเนี่ยเราเห็นพรรคภูมิใจไทยแถวตรง หัวหน้าพรรคพูดอะไรคนที่เหลือทำตามหมด มีศูนย์กลางอำนาจสั่งการปุ๊บ บ้านที่เหลือยอมรับฟังหมด แต่ครั้งนี้ เค้าเอาบ้านที่มีความคิดที่แตกต่างกันมากเกินไป ทั้งอีสาน ทั้งเหนือล่าง และก็ภาคใต้ นี่คือ 3 พื้นที่หลักที่ภูมิใจไทยพยายามจะเจาะเข้าไป แต่การที่คุณเอาบ้านที่มีลักษณะที่มันแตกต่างกัน และนักการเมืองที่เป็นบ้านใหญ่พวกนี้ย้ายพรรคทุกรอบ ผลคือคุณจะไม่สามารถที่จะควบคุมเบ็ดเสร็จ แบบที่จะบอกให้ทุกคนแถวตรงได้ ก็จะเริ่มมีพวกแบบตั้งกลุ่มก้อนออกมาต่อรองและ หรือเป็นพวกที่พูดตรงๆ คือไม่ฟังเนวิน ไม่ฟังชาดา ไม่ฟังอนุทิน พรรคภูมิใจไทยก็จะไม่เป็นพรรคที่เป็นแถวตรงเหมือนเดิม เว้นแต่จะมีสัญญาณพิเศษที่บอกให้ทุกคนแถวตรงตรงเนี้ยอะอีกเรื่องนึง

แต่ถ้าเอาเฉพาะพรรคภูมิใจไทยโดยตัวเองคุมบ้านใหญ่ที่มีเยอะขนาดนี้ไม่ได้หรอก หรืออย่างน้อยที่สุด คุณก็ต้องดัดตัวเองไปเป็นเหมือนพรรคเพื่อไทย ที่เป็นพรรคที่มีมุ้งเล็ก มุ้งน้อยเต็มไปหมดในพรรค” อ.วีระประเมิน 

ที่มาข้อมูล : TNN Online รวบรวม และสัมภาษณ์

ที่มารูปภาพ : พรรคภูมิใจไทย

แท็กบทความ

ภูมืไจไทย
พลังดูดภูมิใจไทย
เลือกตั้ง69เลือกตั้ง 2569อดีต สส.