
สรุปข่าว
วันนี้( 3 มี.ค.65)นายฉี ชิง-ฟู่ กรรมการผู้จัดการ บมจ.แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป (LHFG) เปิดเผยว่า กลยุทธ์การดำเนินงานของกลุ่ม LHFG ในปี 65 จะนำศักยภาพด้าน Digital Banking และความเชี่ยวชาญในการให้บริการด้วยแพลตฟอร์มโซลูชันทางการเงินที่ครบวงจรของ CTBC Bank ที่จะร่วมพัฒนา Digital Infrastructure และแพลตฟอร์ม เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน และตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าภายใต้แนวคิด Customer Centric และเร่งขยายธุรกิจที่มีมาร์จินสูง ขณะเดียวกันการดำเนินธุรกิจยังทำควบคู่ไปกับการมีพันธมิตรทางธุรกิจที่ดีและมุ่งเน้นการเป็นที่ปรึกษาทางการเงินอย่างมืออาชีพ รวมทั้งเร่งขยายฐานลูกค้าโดยส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการที่ครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์สินเชื่อ เงินฝาก ธุรกรรมด้านต่างประเทศ ประกันชีวิตและประกันวินาศภัย การลงทุน ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าได้รับบริการและมีผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุด
สำหรับแผนงานในส่วนของของธุรกิจธนาคาร LH BANK ตั้งเป้าสินเชื่อเติบโต 6-7% โดยจะเน้นขยายตลาดกลุ่มสินเชื่อที่ให้ผลตอบแทนสูงขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มสินเชื่อผู้ประกอบการขนาดกลาง (Mid corporate) ซึ่งเล็กลงกว่ากลุ่มผู้ประกอบการขนาดใหญ่ที่มีสัดส่วนในพอร์ตมากกว่า 50% เนื่องจากกลุ่มบริษัทขนาดกลางดังกล่าวเป็นธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องในซัพพลายเชนของผู้ประกอบการขนาดใหญ่ จึงเป็นการต่อยอดขยายฐานลูกค้าและสินเชื่อจากผู้ประกอบการขนาดใหญ่
อย่างไรก็ตามมองว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในปีนี้ยังเป็นปัจจัยบวกต่อกลุ่มสินเชื่อ Trade Finance ที่เห็นการเติบโตขึ้นต่อเนื่อง จากการนำเข้า-ส่งออกที่ขยายตัวได้ค่อนข้างดี ทำให้ธนาคารตั้งเป้าสินเชื่อในกลุ่ม Trade Finance ในปี 65 ไว้ที่ 4 พันล้านบาท จากปีก่อนที่ 3 พันล้านบาท โดยจะมีการขยายฐานกลุ่มลูกค้าธุรกิจจากไต้หวัน ซึ่งทาง CTBC ผู้ถือหุ้นใหญ่มีฐานลูกค้าอยู่แล้ว โดย CTBC จะนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการเกี่ยวกับ Trade Finance ให้กับฐานลูกค้าธุรกิจจากไต้หวันเชื่อมโยงเข้ามาการใช้บริการกับ LH BANK โดยตั้งเป้าในช่วง 5 ปีนี้จะขยายฐานกลุ่มลูกค้าธุรกิจจากไต้หวันเพิ่มเป็น 500 บริษัท หรือคิดเป็นสัดส่วน 10% ของฐานลูกค้าธุรกิจทั้งหมด
สำหรับสินเชื่อรายย่อยของธนาคารยังคงเป็นกลุ่มสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลัก ตั้งเป้าการเติบโตไว้ที่ 20% โดยจะขยายกลุ่มลูกค้าลงไปที่กลุ่มบ้านระดับกลางเพิ่มขึ้น รวมถึงขยายการให้สินเชื่อให้กับกลุ่มลูกค้าที่ซื้อที่อยู่อาศัยนอกกลุ่ม บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH) มากขึ้น ประกอบกับการขยายกลุ่มที่อยู่อาศัยในต่างจังหวัด ซึ่งจะทำให้บริษัทสารถขยายฐานลูกค้าและฐานสินเชื่อรายย่อยได้มากขึ้น พร้อมกับการต่อยอดไปสู่ผลิตภัณฑ์สินเชื่ออื่นๆของธนาคาร โดยธนาคารมองว่าหลังจากภาวะเศรษฐกิจกลับมาดีขึ้น ถือเป็นสัญญาณบวกต่อแนวโน้มของสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ที่คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้น แต่อย่างไรก็ตามธนาคารยังคงมีการติดตามลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่ที่พักชำระหนี้ไปก็เริ่มกลับมาชำระคืนหนี้ได้มากขึ้น ทำให้ธนาคารลดความกังวลด้านคุณภาพสินเชื่อที่มีแนวโน้มดีขึ้น และยังคงควบคุมระดับ NPL ให้ไม่เกิน 3% จากปีก่อนที่ NPL อยู่ที่ 2.44% ซึ่งคาดว่าปีนี้จะยังทรงตัวในระดับใกล้เคียงกับปีก่อน
สำหรับรายได้ค่าธรรมเนียมของธนาคารในปี 65 ตั้งเป้าเติบโต 20% โดยที่ธนาคารได้มีการปรับการปรับภาพลักษณ์สาขาให้มีความ Premium ซึ่งได้มีการรีโนเวทสาขาไปแล้ว 7 สาขา เพื่อยกระดับการให้บริการพร้อมกับการเป็นที่ปรึกษาทางการเงินอย่างมืออาชีพ เพื่อทำให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์บริการด้านประกันและการลงทุนในสาขาควบคู่ไปกับช่องทางออนไลน์ ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่เข้ามาหนุนต่อการดึงดูดลุกค้าเข้ามาใช้บริการด้านผลิตภัณฑ์ประกันและการลงทุนมากขึ้น รวมทั้งยังอยู่ระหว่างการพัฒนาเพิ่มการบริการด้าน Digital lending ซึ่งคาดว่าจะเริ่มให้บริการได้ในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้
นายมนรัฐ ผดุงสิทธิ์ กรรมการผู้อำนวยการ บลจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด กล่าวว่า บริษัทยังคงเน้นการเติบโตของสินทรัพย์โดยการเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่แบบ Asset Allocation ในปี 65 มากกว่าที่จะเน้นเป็นรายสินทรัพย์ (Single Asset) เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่มีพฤติกรรมการลงทุนไม่เหมือนกัน รวมทั้งการเพิ่มฐานลูกค้าประเภทสถาบัน และเน้นกลุ่มลูกค้า Ultra High Net Worth รวมถึงเพิ่มช่องทางการจำหน่ายรูปแบบใหม่ๆ ผ่าน Digital Platform เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับ
ลูกค้า และสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้มากขึ้น
นายกานต์ อรรถธรรมสุนทร กรรมการผู้อำนวยการ บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ กล่าวว่า บริษัทยังคงมุ่งเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืนภายใต้การสนับสนุนของกลุ่มธุรกิจทางการเงินแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ และจากเครือข่ายความเชี่ยวชาญระดับโลกของ CTBC Bank รวมถึงการสร้างฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ควบคู่กับการพัฒนาผลิตภัณฑ์การลงทุน การเพิ่มช่องทางบริการผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล เช่น การเปิดบัญชีและยืนยันตัวตนแบบออนไลน์ การขยายลูกค้าในกลุ่ม Mass ที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าที่เติบโตอย่างโดดเด่นในตลาดการเงินของไทย
ส่วนผลการดำเนินงานประจำปี 2564 กลุ่มธุรกิจทางการเงินแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ มีกำไรสุทธิจำนวน 1,383.7 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 32.7 เมื่อเทียบกับปี 2563 จากการตั้งสำรองเข้ม แม้ NPLs จะลดลงจากร้อยละ 2.77 เมื่อสิ้นปี 2563 เหลือร้อยละ 2.44 เมื่อสิ้นปี 2564 และค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage Ratio) เพิ่มขึ้นจาก 148.4% เมื่อไตรมาสที่ 3 ของปี 2564 เป็น 179.1% ณ สิ้นปี 2564 โดยเมื่อ CTBC Bank เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่เมื่อเดือนกันยายน 2564 ซึ่ง CTBC Bank เห็นว่าสถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรนายังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง จึงมีความเห็นให้ธนาคารตั้งสำรองเพิ่มขึ้นจาก 1,738.0 ล้านบาท ในงวด 9 เดือนของปี 2564 เป็น 3,283.8 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2564 ขณะที่ ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ มีระดับเงินกองทุนที่แข็งแกร่ง โดยมีอัตราเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) อยู่ที่ 18.4% และเงินกองทุนชั้นที่ 1 อยู่ที่ 16.1% สูงกว่าอัตราเงินกองทุนขั้นต่ำที่ 11.0% และ 8.5% ตามลำดับ ที่กำหนดโดยธนาคารแห่งประเทศไทย
ที่มา : บมจ.แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป
ภาพประกอบ : ChomPR พีอาร์ บมจ.แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป
- หุ้นแบงก์ยังน่าเล่นไหม กูรูชวนเทียบหุ้นแบงก์ หลังสินเชื่อลด - การบริโภคอ่อนแอ
- เปิดลิสต์ 5 อันดับกองทุนรวม “RMF” ผลตอบแทนดีสุดปี 68
- Money Expo 2025 ยอดธุรกรรมทะลุ 1.68 หมื่นล้าน สินเชื่อบ้านนำโด่ง
- เคาะระฆังเทรด "Thai ESGX" 2 พ.ค.68 พร้อมโยก LTF ตั้งเป้าระดมทุน 2 หมื่นลบ.
- เทคนิคลงทุนหลังเกษียณ
- ครั้งแรกในไทย "กระบะพี่ มีคลังค้ำ" กระตุ้นตลาดรถ ปลดล็อกสินเชื่อรถกระบะ วงเงิน 5 พันล้าน
- ธนาคารออมสิน ออกสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ กู้ได้แม้ไม่มีเครดิต เช็กเลย!
ที่มาข้อมูล : -
TNNThailand