
สรุปข่าว
นักวิเคราะห์กล่าวว่า หากรัฐบาลสหรัฐตัดสินใจยกเลิกภาษีดังกล่าว ผลกระทบโดยตรงมากที่สุดซึ่งจะมีต่อเงินเฟ้อสหรัฐคือ อัตราเงินเฟ้อจะลดลงในครั้งเดียวเพียง 0.3% เท่านั้น เนื่องจากสหรัฐนำเข้าสินค้าจีนไม่มากนัก ซึ่งคาดว่าอาจจะไม่ถึง 1 ใน 10
การแสดงความเห็นดังกล่าวมีขึ้น หลังจากสำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ อาจจะประกาศยกเลิกการจัดเก็บภาษีสินค้านำเข้าบางส่วนจากจีนภายในสัปดาห์นี้ รวมทั้งประกาศมาตรการตรวจสอบการอุดหนุนภาคอุตสาหกรรมซึ่งอาจนำไปสู่การเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมจากหลายภาคส่วน ซึ่งรวมถึงธุรกิจเทคโนโลยี
มีกระแสข่าวว่า ปธน.ไบเดนยังไม่ได้ตัดสินใจในขั้นตอนสุดท้ายเกี่ยวกับการระงับภาษีนำเข้าสินค้าจีน ซึ่งหากมีการบังคับใช้ ก็ถือเป็นย่างก้าวแรกที่สำคัญของการใช้นโยบายด้านความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ปธน.ไบเดนได้จัดการประชุมหลายครั้งร่วมกับคณะที่ปรึกษาเศรษฐกิจ เพื่อหารือเกี่ยวกับทางเลือกในการตัดสินใจที่จะยกเลิกมาตรการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนซึ่งอดีตปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นผู้ริเริ่ม
บรรดานักเศรษฐศาสตร์กำลังอภิปรายกันว่า การยกเลิกมาตรการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนจะช่วยบรรเทาปัญหาเงินเฟ้อในสหรัฐได้หรือไม่ ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์หลายคนมองว่า การผ่อนปรนหรือการยกเลิกมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าทั้งหมดนั้น อาจเป็นหนึ่งในทางเลือกเพียงไม่กี่ทางที่ทำเนียบขาวจำเป็นจะต้องทำ เพื่อฉุดต้นทุนสินค้าทุกประเภทให้ลดลง
.
ติดตามข่าวหุ้นและการลงทุนทางไลน์
• Line @TNNWEALTH : https://bit.ly/3tCKmiD
———————————————————————
ติดตาม TNN Wealth ผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้ที่
• Website : https://bit.ly/TNNWealthWebsite
• Youtube : https://bit.ly/TNNWealthYoutube
• TikTok : https://bit.ly/TNNWealthTikTok
หรือดูรายการ Live ได้ทาง https://bit.ly/3HmUu4O
- ทรัมป์เตรียมยุบ ‘กรมสรรพากร’ หันเก็บภาษีจากต่างชาติแทน
- โพลรอยเตอร์ชี้ “เศรษฐกิจโลก”แนวโน้มโตร้อยละ 3
- นิวซีแลนด์หั่นดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 4 ปี | ย่อโลกเศรษฐกิจ
- นักวิเคราะห์ชี้หุ้นทรู มีสัญญาณบวก หลังแถลงผลประกอบการ อันดับเครดิต A+ สภาพคล่องดี
- (คลิป) อนาคตทองคำ ครึ่งปีหลัง 66 ลุ้น 4,000 ดอลล์
- นักเศรษฐศาสตร์ชี้ ปีหน้า การท่องเที่ยวเข้าสู่สภาวะปกติ
- S&P ระบุธนาคารกลางเกาหลีใต้ จะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยนโยบายต่อไป โดยคาดว่าอาจจะแตะระดับสูงสุดที่ 3.5% ในปี 2566
ที่มาข้อมูล : -
TNNThailand