
สรุปข่าว
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี หรือ รัชดา ธนาดิเรก ได้ออกมาเปิดเผยว่า การปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จากร้อยละ 0.25 เป็นร้อยละ 0.75 ต่อปี มีเป้าหมายเพื่อให้ดอกเบี้ยอยู่ในระดับที่เหมาะสมกับการขยายตัวของเศรษฐกิจ โดยรัฐบาลได้ให้ธนาคารของรัฐตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ให้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และพิจารณาออกมาตรการดูแลลูกหนี้ที่ยังไม่ฟื้นตัว เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนและผู้ประกอบการ
ส่วนในด้านของต้นทุนการกู้เงินของรัฐบาลที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นตามมานั้น ยังไม่มีประเด็นที่ต้องกังวล เพราะสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) มีการจัดการความเสี่ยงเรื่องการผันผวนของอัตราดอกเบี้ย และแผนการบริหารต้นทุนกู้เงินไว้อยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยย่อมทำให้ต้นทุนการกู้เงินของรัฐบาลสูงขึ้น แต่ที่ผ่านมา สบน. ก็มีแผนบริหารจัดการความเสี่ยงอยู่แล้ว ด้วยการเปลี่ยนการกู้เงินระยะสั้นที่เป็นดอกเบี้ยลอยตัว (Float Rate) มาเป็นอัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ (Fix Rate) มากขึ้น คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 82
ขณะที่ผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน ก็ยังไม่มีเรื่องให้ต้องกังวลเช่นกัน เพราะรัฐบาลมีหนี้ต่างประเทศร้อยละ 1.8 และได้ทำการปิดความเสี่ยงไว้หมดแล้ว
ส่วนงบประมาณ 2566 แผนการบริหารจัดการต้นทุนการกู้เงินของรัฐบาล จะเน้นกู้เงินผ่านการออกพันธบัตรระยะยาวจากปีงบประมาณ 2565 อยู่ที่ร้อยละ 45 ปรับเพิ่มเป็นร้อยละ 48 ในขณะที่การออกตั๋วสัญญาใช้เงินจะอยู่เท่าเดิมที่ร้อยละ 25 และการออกตั๋วเงินคลังและการกู้เงินระยะสั้นจากตลาดจะลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 14 จากเดิมร้อยละ 18
ทั้งนี้ สบน. ได้รายงานภาพรวมหนี้สาธารณะต่อจีดีพี ณ สิ้นเดือนมิถุนายนปี 2565 อยู่ที่ร้อยละ 61.06 โดยคาดการณ์ไว้เมื่อต้นปีที่ผ่านมาว่า หลังสิ้นสุดปีงบประมาณ 2565 หนี้สาธารณะต่อจีดีพีจะอยู่ที่ร้อยละ 62.69 แต่ด้วยปัจจุบันมูลค่าจีดีพีเพิ่มขึ้น และมีการปรับปรุงแผนบริหารหนี้สาธารณะทั้งหมด ทำให้คาดว่าภายในสิ้นปีงบประมาณ 2565 สัดส่วนหนี้สาธารณะจะอยู่ที่ร้อยละ 61.3 เท่านั้น
ข้อมูลจาก : TNN ONLINE
ภาพจาก : TNN
ที่มาข้อมูล : -

TNNThailand