
สรุปข่าว
เอชเอสบีซี (HSBC) ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ของอังกฤษเปิดเผยว่า กำไรในไตรมาส 3/2565 ลดลง 42% ทั้งนี้ HSBC มีกำไรก่อนหักภาษีในไตรมาส 3 อยู่ที่ 3.15 พันล้านดอลลาร์ ลดลงจากไตรมาส 3 ปีที่แล้วที่ 5.4 พันล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ดี ตัวเลขดังกล่าวอยู่ในระดับสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของเอชเอสบีซีคาดการณ์ไว้ที่ 2.45 พันล้านดอลลาร์
.
.
HSBC ซึ่งทำยอดขายและกำไรส่วนใหญ่ในเอเชีย ถูกกดดันจาก Ping An Insurance Group ซึ่งเป็นบริษัทสัญชาติจีนที่เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุด ให้สำรวจทางเลือกต่างๆ รวมถึงการแยกตัวและจดทะเบียนธุรกิจหลักในเอเชีย เพื่อเพิ่มผลตอบแทนผู้ถือหุ้น
.
.
โดยธนาคารกำลังสำรวจศักยภาพการขายหน่วยในแคนาดา เนื่องจากพยายามปรับปรุงการดำเนินงานเพื่อเพิ่มผลกำไรท่ามกลางแรงกดดันจากผิงอัน
.
.
HSBC กล่าวในแถลงการณ์ว่า ธนาคารมีเป้าหมายที่จะบรรลุเป้าหมายผลตอบแทนอย่างน้อย 12% ตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นไป และส่งผลให้ผู้ถือหุ้นของเราได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้น
.
.
ทั้งนี้ผลการดำเนินงานรายไตรมาสได้รับผลกระทบจากการตั้งสำรองสินเชื่อ 1.1 พันล้านดอลลาร์ เทียบกับการปล่อยเงินสดสำรอง 659 ล้านดอลลาร์ สำหรับการสูญเสียเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งอัตราที่เพิ่มสูงขึ้นตามธรรมเนียมแล้วช่วยหนุนผลกำไรของธนาคาร เนื่องจากพวกเขาสามารถสร้างรายได้จากการให้กู้ยืมมากกว่าจำนวนเงินที่พวกเขาจ่ายให้กับผู้ออม แต่ภาพปัจจุบันถูกบดบังด้วยภัยคุกคามจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำซึ่งอาจทำให้ผู้ให้กู้ขาดทุนอย่างหนัก
.
.
ติดตามข่าวหุ้นและการลงทุนทางไลน์
• Line @TNNWEALTH : https://bit.ly/3tCKmiD
———————————————————————
ติดตาม TNN Wealth ผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้ที่
• Website : https://bit.ly/TNNWealthWebsite
• Youtube : https://bit.ly/TNNWealthYoutube
• TikTok : https://bit.ly/TNNWealthTikTok
หรือดูรายการ Live ได้ทาง https://bit.ly/3HmUu4O
- วิน เมธวิน ทำแฟนๆอึ้ง! มีชื่อติด TOP10 ผู้ถือหุ้นใหญ่ช่องวัน 14ล้านหุ้น
- EEC ผนึกHSBC หนุนลงทุนตั้งเป้า5แสนล.
- นักวิเคราะห์ชี้หุ้นทรู มีสัญญาณบวก หลังแถลงผลประกอบการ อันดับเครดิต A+ สภาพคล่องดี
- (คลิป) อนาคตทองคำ ครึ่งปีหลัง 66 ลุ้น 4,000 ดอลล์
- 'จิน ยอง' คว้าแชมป์กอล์ฟ 'เอชเอสบีซี สิงคโปร์ 2023' ด้าน 'โปรจีน' เร่งจบที่ 10
- วิธีง่ายๆในการดูผู้ถือหุ้นใหญ่มีใครบ้าง I TNN WEALTH 28 พ.ย. 65
- “โกลด์แมน แซคส์” คาดหุ้นทั่วโลกอยู่ในภาวะ “ตลาดหมี” จนถึงปีหน้า ขณะที่เอเชียจะทำผลงานได้โดดเด่น
ที่มาข้อมูล : -
TNNThailand