ครม.ศก.ตั้งเป้าแนวทางบริหารเศรษฐกิจปี63ทั้งหมด5ด้าน

วันนี้ (22พ.ย.62) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ภายหลังการประชุมแล้วเสร็จ นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง แถลงผลการประชุม ว่า ได้รับทราบ ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ไตรมาสที่ 3 ขยายตัวร้อยละ 2.4 ซึ่งจากการประมาณการณ์ คาดว่าไตรมาศที่ 4 จะดีกว่าไตรมาศที่ 3 ซึ่งจะส่งผลต่อการขับเคลื่อนการใช้จ่าย และการลงทุน ทั้งนี้ ท่ามกลางสงครามการค้าโลก จึงมีการวิเคราะห์ว่า สถานการณ์เศรษฐกิจในปี 2563 จะขยายตัว ในร้อยละ 2.7 ถึง 3.7 จึงได้มีการสั่งการในที่ประชุม ให้ไปหาแนวทางแก้ไขปัญหาในภาคที่ได้รับผลกระทบ อาทิ ภาคการส่งออก

ส่วนแนวทางบริหารจัดการเศรษฐกิจในปี 2563 กำหนดเป้าหมายไว้ 5 ด้าน ประกอบด้วย 1.การดูแลเกษตรกร กำลังแรงงาน ผู้มีรายได้น้อย เอสเอ็มอี และเศรษฐกิจฐานราก 2. การรักษาแรงขับเคลื่อนการขยายตัวจากการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐ 3.การสร้างความเชื่อมั่น และการสนับสนุนการขยายตัวของการลงทุนภาคเอกชนปี 2563 อยู่ที่ 3ล้านล้านบาท 4.การสนับสนุนฟื้นตัวของนักท่องเที่ยว และ5.การขับเคลื่อนการส่งออกให้ขยายตัวไม่ต่ำกว่าร้อยละ 3

ที่ประชุม ครม.เศรษฐกิจ ยังเร่งแก้ปัญหาในส่วนของงบลงทุนรัฐวิสาหกิจ ที่ยังมีปัญหา และเกิดการเบิกจ่ายล่าช้า ที่มีประมาณ 115,000 ล้านบาท เช่นโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย จีน รถไฟรางคู่ นครปฐม ชุมพร รถไฟรางคู่ ลพบุรี ปากน้ำโพ โครงการทางพิเศษระราม 3 ดาวคะนอง เป็นต้น โดยนายกฯ ให้ไปปลดล็อก และดำเนินการตามขั้นตอนของกำหมาย เพื่อให้เกิดการเบิกจ่าย

นอกจากนี้ ยังได้ข้อสรุปว่า โครงการรถไฟไทย จีน จะกู้ยืมเงินเป็นรูปแบบ ดอลลาห์ ซึ่งจะเป็นทางออกที่ดีสำหรับไทย สามารถที่จะปิดความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนได้ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะนำผลสรุปนี้ไปหารือกับทางการจีนต่อไป

ทั้งนี้ นายกฯสั่งเร่งการลงทุนในประเทศเป็นหลัก เพราะสามารถที่จะควบคุมสิ่งต่างได้ รวมถึงผลักดันงบลงทุนปกครองส่วนท้องถิ่น อย่างเต็มที่ ซึ่งสามารถปลดล็อคการใช้จ่ายไปแล้วถึงหมื่นกว่าล้านบาท

เกาะติดข่าวที่นี่ 

website: www.TNNThailand.com  
facebook : TNNThailand 
twitter : @TNNThailand 
Line : @TNNThailand 
Youtube Official : TNNThailand