

สรุปข่าว
กรณีที่กลุ่มธนโฮลดิ้งและพันธมิตร ประกอบด้วย บริษัท ธนโฮลดิ้ง จำกัด ของเครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือ ซีพี, บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน), บริษัท ช. การช่าง จำกัด (มหาชน), บริษัท บี.กริม จอยน์ เวนเจอร์ โฮลดิ้ง จำกัด และ Orient Success International Limited เป็นโจทก์ยื่นฟ้องคณะกรรมการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก ซึ่งเรื่องอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุด
ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์โดยอ้างคำตัดสินข้อพิพาททางปกครองในอดีต ที่เอกชนแพ้คดี ถูกตัดสิทธิไม่ให้เข้าร่วมประมูลงานของรัฐ เนื่องจากยื่นเอกสารไม่ทันกำหนดเวลาลงทะเบียนเข้าร่วมเสนอราคา เปรียบเทียบกับกรณีของกลุ่มธนโฮลดิ้งที่ยื่นเอกสารสองกล่องสุดท้าย ช้าจากกำหนดเวลา 15:00 น. ไป 9 นาที ในทำนองว่า ควรใช้บรรทัดฐานเดียวกับที่เคยตัดสินคดีอื่น ๆ
แต่เมื่อย้อนดูหลักฐานแล้ว เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2562 เวลา 12:20 น. ปรากฏภาพข่าว นายนพปฎล เดชอุดม รองประธานสำนักบริหารความยั่งยืน ธรรมาภิบาลและสื่อสารองค์กร เครือเจริญโภคภัณฑ์ และนายอติรุฒม์ โตทวีแสนสุข รองประธานสำนักพัฒนาโครงการพิเศษ เครือเจริญโภคภัณฑ์ ในนามกลุ่มธนโฮลดิ้ง เป็นเอกชนรายแรกที่เข้าไปยื่นเอกสารต่อคณะกรรมการฯ
ส่วนรายที่ 2 เป็นกลุ่มแกรนด์ คอนโซเตียม (GRAND Consortium) และรายสุดท้ายเป็นกลุ่มกิจการร่วมค้าบีบีเอส ซึ่งหลังจากนั้นกระบวนการส่งมอบเอกสารก็เป็นไปอย่างต่อเนื่อง โดยทั้งสามกลุ่มได้ทยอยนำเอกสารมาส่งมอบ และในเวลา 15.00 น. เจ้าหน้าทีได้เรียกกลุ่มบีบีเอสตรวจรับเอกสารเป็นรายแรก และเรียกกลุ่มธนโฮลดิ้งในเวลา 16.45 น. ซึ่งมีเอกสารครบถ้วนทุกรายการและคณะกรรมการได้ตรวจพร้อมเซ็นรับไว้ทั้งหมด โดยกระบวนการเสร็จสิ้นในเวลา 18.00 น. จุดนี้ยิ่งแสดงให้เห็นว่ากระบวนการเป็นไปอย่างต่อเนื่อง และเลยเวลา 15.00 น. จึงไม่น่าจะใช้เป็นข้ออ้างว่ากลุ่มธนโฮลดิ้งยื่นเอกสารหลังเวลา 15.00 น. ได้
สำหรับข้อหาที่ว่าการส่งเอกสารเกินกำหนดเวลาจะทำให้มีการได้เปรียบเสียเปรียบกันนั้น ตรงนี้ให้ดูกันตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏ เนื่องจากเอกสารมีจำนวนมาก นับรวมกันเป็นหลักหลายร้อยกล่อง คณะกรรมการฯ ไม่ได้เปิดกล่องเอกสารตรวจสอบในทันที แต่ได้นำเอกสารทั้งหมดไปเก็บไว้ในห้องเก็บเอกสารที่มีการควบคุมดูแลอย่างมั่นคง จึงไม่ใช่เหตุที่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดจะสามารถกล่าวอ้างได้ว่า ทำให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบ หรือสามารถปรับเปลี่ยนข้อเสนอใด ๆ ได้
ในคำพิพากษาที่เป็นฎีกาจากคดีในอดีตที่ศาลตัดสินให้เอกชนผู้ยื่นประมูลแพ้ ซึ่งเป็นการประมูลแบบอิเล็กทรอนิกส์ที่เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบกันระหว่างการเคาะราคา จึงไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบหรือเทียบเคียงกับกรณีการประมูลโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา ซึ่งเป็นการประมูลแบบเปิดซองเสนอราคาราคาได้ ดังนั้นจึงไม่ควรยกมาเป็นข้อกล่าวอ้างให้ใช้เป็นบรรทัดฐาน เพื่อกดดันกระบวนการพิจารณาตัดสินของศาลได้
ที่มาข้อมูล : -