
สรุปข่าว
วันนี้ (14 พ.ย.64) ธนาคารแห่งประเทศไทย ปรับปรุงค่าธรรมเนียมให้เป็นธรรมเพื่อลดภาระของประชาชน โดย "ค่าธรรมเนียม" จากการใช้การสมัครบัตรเดบิต หรือบัตรเอทีเอ็ม กรณีผู้ใช้บริการยกเลิกการใช้บัตร ให้คืนค่าธรรมเนียมรายปี ตามสัดส่วนระยะเวลาคงเหลือของบัตรแก่ผู้ใช้บริการ โดยไม่ต้องให้ผู้ใช้บริการร้องขอ จากเดิมที่ไม่มีการคืนส่วนต่างหรือคืนเมื่อร้องขอเท่านั้น
ทั้งนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ออกเอกสารถึงสถาบันการเงินทุกแห่ง เรื่องการคิดดอกเบี้ยและการเก็บค่าธรรมเนียม โดยมีรายละเอียดดังนี้
ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ยกระดับการกำกับดูแลการให้บริการทางการเงินอย่างเป็นธรรม (market conduct) อย่างต่อเนื่อง โดยให้ความสำคัญเกี่ยวกับการกำหนดดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมอย่างเป็นธรรมและโปร่งใสเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้ผู้ใช้บริการสามารถเปรียบเทียบและเลือกใช้บริการที่ตรงกับวัตถุประสงค์ด้วยราคาที่เหมาะสม ซึ่งจะช่วยส่งเสริมความเชื่อมั่นของผู้ใช้บริการต่อระบบการเงินของไทยและสนับสนุนให้ผู้ให้บริการดำเนินธุรกิจได้อย่างยั่งยืนในระยะยาวนั้น
จากการหารือร่วมกับผู้แทนจากภาคประชาชนและผู้ให้บริการ รวมทั้งการศึกษาแนวทางการกำกับดูแลในต่างประเทศ ได้ข้อสรุปหลักการสำคัญ 4 ประการในการกำหนดดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมของผู้ให้บริการ ประกอบด้วย
(1) ต้องสะท้อนต้นทุนจริงจากการให้บริการ
(2) ต้องไม่เป็นภาระต่อผู้ใช้บริการจนเกินสมควรและคำนึงถึงความสามารถในการชำระของผู้ใช้บริการ
(3) ต้องไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมซ้ำช้อน
(4) ต้องเปิดเผยอัตราค่าธรรมเนียมอย่างชัดเจน เพื่อประโยชน์ในการขับเคลื่อนเรื่องดังกล่าว
ในครั้งนี้ ธปท. ขอให้ผู้ให้บริการปรับปรุงแนวทางการคิดดอกเบี้ยและเรียกเก็บค่าธรรมเนียม สำหรับผลิตภัณฑ์หรือบริการที่มีผู้ใช้บริการแพร่หลายในวงกว้าง โดยขอให้ผู้ให้บริการดำเนินการในระยะแรก ดังนี้
1. ค่าปรับการไถ่ถอนสินเชื่อก่อนกำหนด (prepayment) สำหรับสินเชื่อผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) และสินเชื่อส่วนบุคคล ที่มีลักษณะการผ่อนชำระเป็นงวด
1.1 ให้คิดค่าปรับการไถ่ถอนก่อนกำหนดบนยอดเงินต้นคงเหลือ
1.2 ให้กำหนดช่วงระยะเวลาที่จะยกเว้นการเรียกเก็บค่าปรับการไถ่ถอน โดยอาจพิจารณาให้สอดคล้องกับประวัติการชำระหนี้และระยะเวลาการชำระหนี้ที่ผ่านมา
2. ดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้ สำหรับสินเชื่อที่อยู่อาศัย สินเชื่อผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) และสินเชื่อส่วนบุคคล ที่มีลักษณะการผ่อนชำระเป็นงวด
2.1 ให้คิดดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้บนค่างวด (installment) ที่ลูกหนี้ผิดนัดชำระเฉพาะส่วนที่เป็นเงินต้นของค่างวดนั้น
2.2 ให้กำหนดช่วงระยะเวลาการผ่อนผันไม่คิดดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้ (grace period) ในกรณีที่ลูกหนี้อาจมีเหตุสุดวิสัย ทำให้ไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด โดยสามารถกำหนดเป็นเกณฑ์ภายในของผู้ให้บริการได้
2.3 ให้แจงรายละเอียดของยอดหนี้ค้างชำระ เช่น เงินต้น ดอกเบี้ย ดอกเบี้ยผิดนัดชำระค่าธรรมเนียมทวงถามหนี้ ให้ลูกหนี้ทราบอย่างชัดเจน

3. ค่าธรรมเนียมบัตรเอทีเอ็มหรือบัตรเดบิต
3.1 กรณีผู้ใช้บริการยกเลิกการใช้บัตร ให้คืนค่าธรรมเนียมรายปีตามสัดส่วนระยะเวลาคงเหลือของบัตรแก่ผู้ใช้บริการโดยไม่ต้องให้ผู้ใช้บริการร้องขอ
3.2 กรณีต้องออกบัตรหรือรหัสบัตรทดแทน ให้ยกเว้นการเก็บค่าธรรมเนียมการออกบัตรหรือรหัสบัตรทดแทน แต่หากกรณีที่ออกบัตรหรือรหัสทดแทนมีต้นทุสูงอาจพิจารณาจัดเก็บได้ตามความเหมาะสม
ทั้งนี้ ขอให้ผู้ให้บริการนำหลักการและแนวทางการคิดดอกเบี้ยและเรียกเก็บค่าธรรมเนียมข้างต้นไปประยุกต์ใช้กับผลิตภัณฑ์และบริการอื่น ๆ ด้วย โดยในระยะต่อไป ธปท. จะจัดให้มีการเปรียบเทียบข้อมูลอัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ของผู้ให้บริการแต่ละรายเพื่อเป็นทางเลือกสำหรับผู้ใช้บริการ และเพื่อส่งเสริมให้เกิดการแข่งขันที่เหมาะสมมากขึ้นด้วย
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/36OxgUb หรือหากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน โทร. 1213 ทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ เวลา 8.30-16.30 น.
ข้อมูลจาก ธนาคารแห่งประเทศไทย
ภาพจาก TNN ONLINE
- "ธนาคารแห่งประเทศไทย"ชี้งบ 1.57 แสนล้าน ช่วย"เศรษฐกิจ"ปรับตัวได้
- อย่าหลงเชื่อ! พายุสุริยะรุนแรง อาจทำให้ระบบธนาคารล่ม เงินหายหมดบัญชี
- "แบงก์ชาติ" เสนอความเห็นรัฐบาลใช้งบ 1.57 แสนล้าน ดูแลภาคธุรกิจ-รับมือสงครามการค้า
- "ธปท."แจ้ง"ครม."ตีกรอบใช้งบ 1.57 แสนล้าน
- แบงก์ชาติยกระดับปรับปรุงเกณฑ์เปิดบัญชีใหม่ "สกัดบัญชีม้า"
- ธปท.เผยสินเชื่อแบงก์หดตัว 3 ไตรมาสติด
- การเลือกผู้ว่า "แบงก์ชาติ" คนใหม่ สำคัญกับคนไทยแค่ไหน นอกจากเงินเฟ้อ-ดอกเบี้ยบ้าน
ที่มาข้อมูล : -
TNNThailand