บี.กริมเพาเวอร์ทุ่ม5.8หมื่นล้าน ลุยสร้างโรงไฟฟ้าเวียดนาม

บี.กริมเพาเวอร์ทุ่ม5.8หมื่นล้าน  ลุยสร้างโรงไฟฟ้าเวียดนาม

สรุปข่าว

 ดร. ฮาราลด์ ลิงค์ ประธาน บี.กริม และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM  เปิดเผยว่า  บริษัทฯ ได้ร่วมกับเอนเนอร์ยี่ แคปปิตอล เวียดนาม (ECV)  ซึ่งเป็นบริษัทโฮลดิ้งและพัฒนาธุรกิจจากสหรัฐอเมริกา และบริษัท ซีเมนส์ เอนเนอร์ยี่ เพื่อพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าแบบ LNG-to-Power ขนาด 3,600 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ที่ มุย เค กา (MKG) จังหวัดบินห์ทวน ทางตอนใต้ของประเทศเวียดนาม  ใช้งบก่อสร้าง  1,750 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 58,450 ล้านบาท (คิดอัตราแลกเปลี่ยนที่ 33.40 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ) 


ทั้งนี้บริษัทฯ ได้ลงนามกับ ECV ในสัญญาร่วมพัฒนาโครงการ (Joint Development Agreement : JDA) โดยใช้ประสบการณ์ที่ดำเนินธุรกิจในประเทศเวียดนามมากว่า 20 ปี และความเชี่ยวชาญของทีมงานทางด้านการบริหารโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติที่มีกำลังการผลิตมากกว่า 2,000 เมกะวัตต์ เป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้การดำเนินโครงการดังกล่าวเป็นไปอย่างราบรื่น อย่างมีเสถียรภาพ และมีประสิทธิภาพในการผลิตสูงสุด  


ขณะที่บริษัท ซีเมนส์ เอนเนอร์ยี่ และ ECV ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) โดยซีเมนส์ เอนเนอร์ยี่ จะส่งมอบอุปกรณ์ที่มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี เพื่อสนับสนุนให้เกิดการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ด้วยการใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติมาทดแทนการใช้ถ่านหิน 


“บี.กริม เพาเวอร์ รู้สึกยินดีที่จะได้ทำงานกับ ECV, ซีเมนส์ เอนเนอร์ยี่ และ Maius เพื่อดำเนินโครงการ LNG-to-Power ของ MKG และเราพร้อมสนับสนุนแผนแม่บทการพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าฉบับที่ 8 ที่จะออกมาในเร็ววันนี้” 


ทั้งนี้เชื่อว่านวัตกรรมใหม่มาใช้ในโครงการนี้ เพื่อเป็นหลักสำคัญในการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานของเวียดนาม ซึ่ง LNG เป็นที่ยอมรับในสากลว่าเป็นเชื้อเพลิงที่คุ้มค่าและมีความสะอาดกว่าถ่านหิน โดยโครงการ MKG LNG จะมีส่วนช่วยในการเปลี่ยนผ่านทางพลังงานในเวียดนาม ให้เป็นไปตามคำมั่นสัญญาที่ทำขึ้นภายใต้ความตกลงปารีส (Paris Agreement) และในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 26 (COP26) ที่เมืองกลาสโกว์ ประเทศสกอตแลนด์ 


นายริช ไรซิก รองประธานอาวุโส ฝ่ายพัฒนาโครงการและการลงทุนของซีเมนส์ เอนเนอร์ยี่  กล่าวว่า โลกเผชิญกับความท้าทายอย่างยิ่งในการจัดหาพลังงานที่ยั่งยืนเพื่อรองรับ การเติบโตของเศรษฐกิจ


ขณะที่การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศที่เกิดขึ้น ผลักดันให้เราตอบสนองความต้องการพลังงานที่ยั่งยืนมากขึ้น พร้อมกับการพัฒนาเพื่อมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral) ซึ่งก๊าซธรรมชาติทำหน้าที่เป็นสะพานช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงได้ประมาณ 2 ใน 3 เมื่อเทียบกับถ่านหิน โดยมีความมั่นคงด้านทรัพยากรด้วย  



นายเดวิด ลิววิส ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ECV กล่าวว่าการ่วมมือดังกล่าวเสริมความแข็งแกร่งให้กับโครงการ LNG-to-Power ของ ECV ที่จะช่วยสร้างความมั่นคงทางพลังงานที่สำคัญให้กับเวียดนาม  โดยยกระดับความสัมพันธ์และประสบการณ์ระดับโลก เพื่อนำเสนอโซลูชั่นที่ครบวงจร 


โดยเวียดนามถือเป็นตลาดที่ยังใหม่มากสำหรับโรงไฟฟ้าก๊าซ LNG เมื่อประเทศเปลี่ยนผ่านจากการใช้ถ่านหินมาเป็นพลังน้ำ ขณะที่การเติบโตทางการใช้ไฟฟ้าในแต่ละปีเพิ่มขึ้นเกือบถึง 10% ECV มองเห็นสิ่งนี้และเข้ามาดำเนินธุรกิจในเวียดนามอย่างจริงจังตั้งแต่ปี 2558 เพื่อเตรียมตัวสำหรับโอกาสการเปลี่ยนผ่านการใช้พลังงานที่จะเกิดขึ้นในอนาคต 


นอกจากนี้เวียดนามกำลังอยู่ในขั้นตอนทำให้แผนแม่บทการพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าฉบับที่ 8 เสร็จสมบูรณ์ ซึ่งคาดว่าจะรวมโครงการ LNG-to-Power ของ ECV ใน มุย เค กา (MKG) ซึ่งอยู่ใกล้กับศูนย์กลางการผลิตที่สำคัญนอกเมืองโฮจิมินห์ซิตี้ด้วย โดย ECV ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับคณะกรรมการประชาชนแห่งจังหวัดบินห์ทวน เมื่อปี 2562 เพื่อพัฒนาโครงการ LNG-to-Power ซึ่งมีหลายเฟส โดยได้รับความเห็นชอบในหลักการจากนายกรัฐมนตรีตั้งแต่ปี 2563 แล้ว


โครงการ MKG จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าถึง 3,600 เมกะวัตต์ และใช้ก๊าซ LNG 3 ล้านตันต่อปี (MTPA) โดยโครงการจะนำสถานีเก็บรักษาและแปรสภาพก๊าซธรรมชาติจากของ เหลวเป็นก๊าซธรรมชาติแบบลอยน้ำ (FSRU) มาใช้ประโยชน์เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายในการลำเลียง LNG และจะเชื่อมต่อกับท่อส่งใต้ทะเลไปยังคอมเพล็กซ์ไฟฟ้าบนฝั่ง โดยเฟสแรก 1,800 เมกะวัตต์ มีแผนที่จะเริ่มดำเนินการในปี 2568


ที่มา  บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) 

ภาพประกอบ   บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) ,พิกซ่าเบย์,https://www.thaipng.com/png-6t9bhy/



ที่มาข้อมูล : -

ที่มารูปภาพ :

avatar

TNNThailand

แท็กบทความ