สรุปข่าว
รอยเตอร์ส อ้างความเห็นนักวิเคราะห์ระบุว่า ข้อเสนอของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ในการแยกธุรกิจสืบค้นข้อมูลของ “กูเกิล” (Google) บริษัทในเครือ “อัลฟาเบต” (Alphabet) เพื่อแก้ปัญหาการผูกขาดทางการค้าอาจส่งผลกระทบต่อกลไกสร้างรายได้หลักของบริษัท และอาจกระทบต่อความคืบหน้าในการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ (AI) แม้ว่าผลของการปรับเปลี่ยนอาจต้องใช้เวลาหลายปี
ก่อนหน้านี้ กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ระบุว่า อาจขอให้ผู้พิพากษาบังคับ “กูเกิล” ขายธุรกิจบางส่วน อาทิ เบราว์เซอร์โครม (Chrome) และระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ (Android) ซึ่งทำให้เกิดการผูกขาดตลาดการเสิร์ช หรือสืบค้นออนไลน์ อย่างผิดกฎหมาย
ทั้งนี้ แนวทางในการตัดขายธุรกิจดังกล่าวเป็นเพียงหนึ่งในหลายแนวทางที่มีความเป็นไปได้ ซึ่งขณะนี้อัยการกำลังพิจารณา
นอกจากนี้ ยังมีแนวคิดอื่น ๆ อาทิ การห้าม “กูเกิล” รวบรวมข้อมูลผู้ใช้ที่ละเอียดอ่อน รวมถึงการบังคับให้แสดงผลการค้นหาข้อมูลและดัชนีให้คู่แข่งเข้าถึง การเปิดให้เว็บไซต์สามารถเลือกไม่ใช้เนื้อหาของ “กูเกิล” ในการฝึก AI และการให้ “กูเกิล” รายงานต่อคณะกรรมการเทคนิคที่ศาลแต่งตั้ง
ราคาหุ้นของบริษัทแม่ “อัลฟาเบต” ลดลงร้อยละ 1.5 แตะที่ 161.86 ดอลลาร์สหรัฐ เมื่อปิดตลาดวันที่ 9 ตุลาคม หลังมีรายงานข่าวเกี่ยวกับข้อเสนอของกระทรวงยุติธรรม ประกอบกับทางการสหรัฐฯ ได้ดำเนินการต่อต้านการผูกขาดกับบริษัทหลายครั้งในปีนี้ รวมถึงเมื่อไม่กี่วันมานี้ที่ศาลสหรัฐฯ ตัดสินใจ “กูเกิล” ต้องยอมให้บริษัทที่ไม่ใช่พันธมิตรสามารถขายแอปพลิเคชั่นบนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ใน “เพลย์สโตร์” (Play Store) ได้
นักวิเคราะห์หลายรายมองว่า แนวทางแก้ไขที่อาจเกี่ยวข้องกับ AI มีแนวโน้มจะกระทบธุรกิจของ “กูเกิล” หากตกอยู่ภายใต้แรงกดดันจากสตาร์ตอัป อาทิ “โอเพนเอไอ” (OpenAI) ผู้พัฒนา “แชตจีพีที” (ChatGPT) และ “เพอร์เพล็กซิตี” (Perplexity) ผู้ให้บริการเสิร์ชเอ็นจินที่ขับเคลื่อนด้วย AI
ที่มาข้อมูล : -

TNNThailand