ยุโรปตั้งรับไม่ว่าใครชนะ ปธน.สหรัฐฯ

สรุปข่าว

CNBC รายงานว่า บรรดาผู้กำหนดนโยบายและนักการเมืองในยุโรปกำลังเร่งเตรียมพร้อมรับมือนโยบายกีดกันการค้าที่เข้มข้นขึ้นของสหรัฐฯ ไม่ว่าใครจะชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 5 พฤศจิกายน ระหว่าง “โดนัลด์ ทรัมป์” คู่ชิงจากพรรครีพับลิกัน และ “คามาลา แฮร์ริส” จากพรรคเดโมแครต


เหลือเวลาเพียงไม่กี่วัน คะแนนนิยมของทั้ง 2 คนยังคงสูสีกันมาก โดยเฉพาะในรัฐสมรภูมิชี้ขาด แต่นักการทูตของยุโรปบางรายมองว่า ไม่ว่าใครจะชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งนี้ นโยบาย “อเมริกาต้องมาก่อน” หรือ America First ก็จะถูกนำมาใช้ เนื่องจากชาวอเมริกันกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจ จึงต้องการนโยบายเศรษฐกิจแบบชาตินิยม 


เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา “คริสเตียน ลินด์เนอร์” รัฐมนตรีคลังเยอรมนี ได้ออกมาเตือนว่า อาจมีมาตรการตอบโต้ หากสหรัฐฯ เริ่มทำสงครามการค้ากับสหภาพยุโรป (EU) ซึ่งจำเป็นต้องเจรจากับสหรัฐฯ เพราะความขัดแย้งทางการค้าระหว่างกันจะไม่เป็นผลดีกับสหรัฐฯ เองด้วย


ทั้งนี้ การค้ากับสหรัฐฯ มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับประเทศในยุโรป โดย EU และสหรัฐฯ มีความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุนแบบทวิภาคีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ข้อมูลจากคณะกรรมาธิการยุโรป ซึ่งเป็นฝ่ายบริหารของ EU ชี้ว่า มีมูลค่าแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.2 ล้านล้านยูโร หรือราว 1.29 ล้านล้านดอลลาร์ ในปี 2564 


หาก “แฮร์ริส” ชนะ ก็มีแนวโน้มจะสานต่อนโยบายของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ในระดับหนึ่ง ซึ่งในแง่เศรษฐกิจ กฎหมายลดอัตราเงินเฟ้อ วงเงินรวม 3.69 แสนล้านดอลลาร์ ที่มุ่งเป้าไปนโยบายสภาพอากาศและพลังงาน ทำให้ผู้นำยุโรปหลายคนไม่พอใจเพราะนโยบายดังกล่าวมีลักษณะกีดกันทางการค้า


แต่หาก “ทรัมป์” ชนะ ผลกระทบต่อเศรษฐกิจยุโรปมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เนื่องจาก “ทรัมป์” ขู่จะเรียกเก็บภาษีสินค้ายุโรปเพิ่มเติมอีกร้อยละ 10 ซึ่งอาจสร้างความตึงเครียดให้กับผู้ส่งออกใน EU และ “โกลด์แมน แซคส์” ประเมินว่าอาจทำให้เงินยูโรอ่อนค่าลงมากถึงร้อยละ 10 


ที่มาข้อมูล : -

ที่มารูปภาพ :

avatar

TNNThailand