ภาษีทรัมป์ส่งผลหลายชาติเอเชีย ไม่ใช่แค่จีน

“โกลด์แมน แซคส์” ประเมินว่า การที่ “โดนัลด์ ทรัมป์” กำลังจะรับตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ ทำให้คาดกันว่า “จีน” น่าจะเผชิญกับมาตรการภาษีครั้งใหม่ แต่จีนไม่ใช่ประเทศเดียวที่จะได้รับผลกระทบจากนโยบายดังกล่าว หลายชาติในเอเชียก็มีแนวโน้มจะเผชิญผลกระทบเช่นกัน

“แอนดรูว์ ทิลตัน” หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ประจำเอเชีย-แปซิฟิก ของโกลด์แมน แซคส์ ระบุว่า ถึงแม้สหรัฐฯ จะขาดดุลการค้าทวิภาคีกับจีนลดลงนับตั้งแต่ “ทรัมป์” ดำรงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ สมัยแรก แต่สหรัฐฯ ยังคงขาดดุลการค้าเพิ่มขึ้นกับประเทศผู้ส่งออกอื่น ๆ ในเอเชีย และอาจเผชิญกับการตรวจสอบที่เข้มงวดขึ้น

เขามองว่า “ทรัมป์” และผู้ที่จะได้รับตำแหน่งสำคัญบางคนน่าจะให้ความสำคัญกับการลดการขาดดุลการค้า จึงเป็นความเสี่ยงที่อาจทำให้สหรัฐฯ ขึ้นภาษีกับเขตเศรษฐกิจอื่น ๆ ในเอเชียด้วย

อย่างไรก็ตาม ภาษีศุลการเป็นภาษีที่เรียกเก็บจากการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ แต่ประเทศผู้ส่งออกไม่ได้เป็นผู้จ่าย ขณะที่บริษัทต่าง ๆ ที่ต้องการนำเข้าสินค้าเข้าไปจะต้องจ่ายภาษีดังกล่าว ซึ่งจะทำให้ต้นทุนของบริษัทสูงขึ้น

เขาระบุด้วยว่า เกาหลีใต้ ไต้หวัน และโดยเฉพาะเวียดนาม นับเป็นเขตเศรษฐกิจที่ได้ดุลการค้าจากสหรัฐฯ มากสุด โดยเกาหลีใต้และไต้หวันสะท้อนถึงสถานะได้เปรียบในห่วงโซ่อุปทานเซมิคอนดักเตอร์ ส่วนเวียดนามได้ประโยชน์จากการที่บริษัทต่าง ๆ เบนเข็มออกจากจีน

ข้อมูลระบุว่า ในปี 2566 เกาหลีใต้เกินดุลการค้าสหรัฐฯ ราว 4.44 หมื่นล้านดอลลาร์ มากสุดเมื่อเทียบกับประเทศต่าง ๆ โดยการส่งออกรถยนต์มีสัดส่วนเกือบร้อยละ 30 ของการส่งออกทั้งหมดไปยังสหรัฐฯ 

ด้าน “ไต้หวัน” ส่งออกไปยังสหรัฐฯ ทำสถิติที่ 2.46 หมื่นล้านดอลลาร์ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้นร้อยละ 57.9 จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ส่วน “เวียดนาม” เกินดุลการค้าสหรัฐฯ ราว 9 หมื่นล้านดอลลาร์ ในระหว่างเดือนมกราคม-กันยายนปีนี้

ขณะที่ “ญี่ปุ่น” เกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ ในระดับทรงตัว และ “อินเดีย” เกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นปานกลางในช่วงหลายปีมานี้

ด้านนักวิเคราะห์ของธนาคารบาร์เคลย์ส ระบุว่า ไทยและมาเลเซียจะอยู่ตรงกลาง และคาดว่าไทยน่าจะได้รับผลกระทบมากกว่าเล็กน้อย