
ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์ ว่าในไตรมาส 4/2567 บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA ทำกำไรสุทธิได้ 1.02 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.7% เทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (qoq ) และเพิ่ม 49.8% เทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน (yoy) สูงกว่าประมาณการของฝ่ายวิเคราะห์ฯ และ Bloomberg consensus ที่ 21.3% และ 18% ตามลำดับ เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (Selling, General, and Administrative Expenses หรือ SG&A ) และค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ต่ำกว่าคาด แต่อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) จากการขายที่ดินและรายได้ค่าสาธารณูปโภคต่ำกว่าคาดจึงหักล้างผลดีบางส่วน
ทั้งนี้ AMATA ยังบันทึกกำไรจากการขายอสังหาฯ เพื่อการลงทุน 44.2 ล้านบาท ในไตรมาส 4/67 ดังนั้น กำไรสุทธิปี 2567 จึงเติบโต 31.7% yoy เป็น 2.48 พันล้านบาท คิดเป็น 107.8% ของประมาณของฝ่ายวิเคราะห์ฯ ซึ่งมาจากการเพิ่มขึ้นของยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินและรายได้ประจำจากธุรกิจให้บริการสาธารณูปโภคและธุรกิจให้เช่า
โดยยอดโอนกรรมสิทธ์ที่ดิน เพิ่มเป็น 1,147 ไร่ มีรายได้จากการขายที่ดินเพิ่มขึ้นถึง 114.4% qoq และ 190% yoy เป็น 4.75 พันล้านบาท จากการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดิน 1,147 ไร่ในไตรมาส 4/67 เทียบจากเพียง 452 ไร่ในไตรมาส 3/67 และ 303 ไร่ในไตรมาส 4/66 แต่ GPM จากการขายที่ดินลดเหลือ 33.6% จาก 38.3% ในไตรมาส 3/67 และ 42.7% ในไตรมาส 4/66 เนื่องจากบริษัทโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินจากโครงการ Amata City Halong ในเวียดนามเพิ่มขึ้น ซึ่งมี GPM เพียง 15.8%
สรุปข่าว
ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์ ว่าในไตรมาส 4/2567 บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA ทำกำไรสุทธิได้ 1.02 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.7% เทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (qoq ) และเพิ่ม 49.8% เทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน (yoy) สูงกว่าประมาณการของฝ่ายวิเคราะห์ฯ และ Bloomberg consensus ที่ 21.3% และ 18% ตามลำดับ เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (Selling, General, and Administrative Expenses หรือ SG&A ) และค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ต่ำกว่าคาด แต่อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) จากการขายที่ดินและรายได้ค่าสาธารณูปโภคต่ำกว่าคาดจึงหักล้างผลดีบางส่วน
ทั้งนี้ AMATA ยังบันทึกกำไรจากการขายอสังหาฯ เพื่อการลงทุน 44.2 ล้านบาท ในไตรมาส 4/67 ดังนั้น กำไรสุทธิปี 2567 จึงเติบโต 31.7% yoy เป็น 2.48 พันล้านบาท คิดเป็น 107.8% ของประมาณของฝ่ายวิเคราะห์ฯ ซึ่งมาจากการเพิ่มขึ้นของยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินและรายได้ประจำจากธุรกิจให้บริการสาธารณูปโภคและธุรกิจให้เช่า
โดยยอดโอนกรรมสิทธ์ที่ดิน เพิ่มเป็น 1,147 ไร่ มีรายได้จากการขายที่ดินเพิ่มขึ้นถึง 114.4% qoq และ 190% yoy เป็น 4.75 พันล้านบาท จากการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดิน 1,147 ไร่ในไตรมาส 4/67 เทียบจากเพียง 452 ไร่ในไตรมาส 3/67 และ 303 ไร่ในไตรมาส 4/66 แต่ GPM จากการขายที่ดินลดเหลือ 33.6% จาก 38.3% ในไตรมาส 3/67 และ 42.7% ในไตรมาส 4/66 เนื่องจากบริษัทโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินจากโครงการ Amata City Halong ในเวียดนามเพิ่มขึ้น ซึ่งมี GPM เพียง 15.8%
ในปี 2567 AMATA มียอดขายที่ดินใหม่เพิ่มเป็น 3,018 ไร่ แบ่งเป็น ในไทย 2,550 ไร่ และ เวียดนาม 469 ไร่ ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดใหม่นับตั้งแต่ปี 2556 หรือในรอบประมาณ 11 ปี และมียอดโอนกรรมสิทธิ์รวม 1,912 ไร่ ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดใหม่เช่นกัน นอกจากนี้ ยอดขายที่ดินทีรอรับรู้รายได้( backlog) สิ้นปี 2567 ยังเพิ่มขึ้น 48.4% yoy เป็น 2.12 หมื่นล้านบาท (ไทย 1.94 หมื่นล้านบาท และ เวียดนาม 1.8 พันล้านบาท)
ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI ระบุว่า ยังคงประมาณการยอดขายที่ดินใหม่ในปี 2568 อยู่ที่ 2,300 ไร่ และยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินอยู่ที่ 2,157 ไร่ โดย AMATA คาดว่า backlog ในไทยอย่างน้อยครึ่งหนึ่งหรือ 9.7 พันล้านบาท จะรับรู้เป็นรายได้ภายในปี 2568 ซึ่งสามารถประกันรายได้จากการขายที่ดิน 86.9% ของประมาณการของฝ่ายวิเคราะห์ฯ ขณะที่คาดว่า AMATA จะมีกำไรจากการดำเนินงานปกติเติบโตแข็งแกร่ง 21.1% yoy ในปีนี้ จากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขายที่ดิน, รายได้ประจำจากค่าสาธารณูปโภคและค่าเช่า รวมถึง GPM
โดย CGSI คาดว่า ยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินในปีนี้จะเพิ่มเป็น 2,157 ไร่ ซึ่งส่วนใหญ่จะมาจากนิคมอมตะซิตี้ ชลบุรี 2 ที่จะเริ่มโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินในปีนี้ ส่วน GPM จากการขายที่ดินน่าจะเพิ่มเป็น 43.4% เทียบจาก 38.2% ในปี 2567 จากยอดโอนที่ดินที่เพิ่มขึ้นจากนิคมอมตะซิตี้ ชลบุรี 1และ 2 ซึ่งมี GPM สูงถึง 65% และ 50% ตามลำดับ
พร้อมกันนี้ได้ปรับประมาณการ EPS ปี 2568-2569 ขึ้น 4.8-6.3% หลังปรับสมมติฐานสำคัญ คือ รายได้ค่าสาธารณูปโภค, GPM และ SG&A ส่งผลให้ราคาเป้าหมายตามเพิ่มเป็น 36.0 บาท ซึ่งจะเท่ากับ P/E 12.2 เท่าในปี 2569 หรือ -0.25SD ของค่าเฉลี่ย 5 ปี ยังแนะนำ “ซื้อ” หุ้น AMATA เพราะมองว่าธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมยังมีอุปสงค์แข็งแกร่ง และ AMATA มีแนวโน้มกำไรสูงในปี 2568-12569 ยังเป็นหุ้นเด่น ( top pick)
อย่างไรก็ดี บริษัทอาจมี downside risk หรือ ความเสี่ยงที่จะปรับลดลง หากรัฐบาลเวียดนามส่งมอบที่ดินล่าช้าและการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินช้ากว่าคาด ส่วนปัจจัยบวกที่จะช่วยหนุนราคาหุ้นให้ปรับขึ้นได้ คือ การที่บริษัทมียอดขายที่ดินใหม่ และ GPM จากการขายที่ดินสูงกว่าคาด
ที่มาข้อมูล : บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย)
ที่มารูปภาพ : บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย)

TNNThailand