"จีน-ญี่ปุ่น" ร้าวฉานหนัก ออกคำเตือนเดินทางท่องเที่ยว แบนนำเข้าอาหารทะเล สะเทือนเศรษฐกิจ

Share on Line Share on Facebook Share on X

ตัวต้นเรื่องของเหตุการณ์ จีน ญี่ปุ่น สัมพันธ์สั่นคลอน มาจากการที่ ซานาเอะ ทาคาอิจิ นายกรัฐมนตรีหญิงของญี่ปุ่น ซึ่งเพิ่งขึ้นมาเป็นผู้นำญี่ปุ่นได้ไม่นาน ได้พูดประเด็นเกี่ยวกับไต้หวัน โดยสื่อว่าการโจมตีไต้หวันของจีน คุกคามความอยู่รอดของญี่ปุ่น อาจนำไปสู่การตอบโต้ทางทหารได้ 

 

คำพูดดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2568 ระหว่างการพิจารณางบประมาณในรัฐสภาญี่ปุ่น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการอภิปรายที่เธอถูกซักถามโดยสมาชิกรัฐสภา โดยมีเนื้อหาใจความว่า หากไต้หวันถูกจู่โจมทางกองเรือหรือการใช้กำลังทางทหาร อาจกลายเป็นสถานการณ์ที่คุกคามการเอาตัวรอดของญี่ปุ่น (a “survival-threatening situation”) และญี่ปุ่นมีทางเลือกในการใช้กำลังตอบโต้ได้ในกรณีดังกล่าวตามกฎหมายความมั่นคงของญี่ปุ่น ซึ่งไต้หวันนั้นอยู่ห่างจากเกาะญี่ปุ่นที่ใกล้ที่สุดเพียงแค่ประมาณ 100 กิโลเมตรเท่านั้น 

สรุปข่าว

จับตาความสัมพันธ์ระหว่างจีนและญี่ปุ่น ที่ส่อว่าจะร้าวฉานหนัก บานปลาย ลุกลามไปถึงเศรษฐกิจแล้ว จากจุดเริ่มต้นคำพูดของนายกฯหญิงญี่ปุ่น ที่จีนมองว่าเป็นการแทรกแซงจีนเรื่องไต้หวัน และผลที่ตามมา คือ จีนสั่งแบนการนำเข้าอาหารทะเลจากญี่ปุ่น เตือนคนจีนไม่ให้มาเที่ยว

ตัวต้นเรื่องของเหตุการณ์ จีน ญี่ปุ่น สัมพันธ์สั่นคลอน มาจากการที่ ซานาเอะ ทาคาอิจิ นายกรัฐมนตรีหญิงของญี่ปุ่น ซึ่งเพิ่งขึ้นมาเป็นผู้นำญี่ปุ่นได้ไม่นาน ได้พูดประเด็นเกี่ยวกับไต้หวัน โดยสื่อว่าการโจมตีไต้หวันของจีน คุกคามความอยู่รอดของญี่ปุ่น อาจนำไปสู่การตอบโต้ทางทหารได้ 

 

คำพูดดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2568 ระหว่างการพิจารณางบประมาณในรัฐสภาญี่ปุ่น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการอภิปรายที่เธอถูกซักถามโดยสมาชิกรัฐสภา โดยมีเนื้อหาใจความว่า หากไต้หวันถูกจู่โจมทางกองเรือหรือการใช้กำลังทางทหาร อาจกลายเป็นสถานการณ์ที่คุกคามการเอาตัวรอดของญี่ปุ่น (a “survival-threatening situation”) และญี่ปุ่นมีทางเลือกในการใช้กำลังตอบโต้ได้ในกรณีดังกล่าวตามกฎหมายความมั่นคงของญี่ปุ่น ซึ่งไต้หวันนั้นอยู่ห่างจากเกาะญี่ปุ่นที่ใกล้ที่สุดเพียงแค่ประมาณ 100 กิโลเมตรเท่านั้น 

โดยทาคาอิจิได้แถลงว่าคำพูดดังกล่าวนั้นเป็นการกล่าวแบบ “สมมุติฐาน” (hypothetical) และหน่วยงานรัฐบาลญี่ปุ่นยืนยันว่าจุดยืนของญี่ปุ่นเกี่ยวกับไต้หวันนั้นยังคง “ไม่เปลี่ยนแปลง” จากนโยบายเดิม แต่อย่างไรก็ตามทางการจีนไม่คิดเช่นนั้น และได้ออกมาประท้วงอย่างรุนแรง  โดยระบุว่าคำพูดของผู้นำญี่ปุ่นนับเป็นการแทรกแซงกิจการภายในของจีน   พร้อมเรียกร้องให้ญี่ปุ่น “ถอนคำพูดดังกล่าว” มิฉะนั้น ญี่ปุ่นจะต้องรับผิดชอบต่อผลลัพธ์ทั้งหมด

หลังจากนั้นไม่นั้นทางการจีนได้ตอบโต้ทันที ด้วยการออกประกาศแนะนำหรือคำเตือนประชาชนให้ “หลีกเลี่ยง” การเดินทางไปท่องเที่ยวในญี่ปุ่นและศึกษาต่อในญี่ปุ่น โดยระบุว่า จากถ้อยคำที่ก้าวร้าวเกี่ยวกับไต้หวันอย่างโจ่งแจ้ง ของผู้นำญี่ปุ่น ได้สร้างความเสียหายอย่างรุนแรงต่อบรรยากาศความสัมพันธ์ระหว่างจีนและญี่ปุ่น และภายใต้สถานการณ์นี้นับเป็นความเสี่ยงอย่างมีนัยสำคัญต่อความปลอดภัยและชีวิตของพลเมืองจีนที่อยู่ภายในประเทศญี่ปุ่น

 

ผลกระทบตามมาทันทีหลังจากมีความเคลื่อนไหวจากทางการจีน  โดยเฉพาะตลาดหุ้น ในเช้าวันที่ 17 พฤศจิกายน 2568 หุ้นที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจการท่องเที่ยวและค้าปลีกของญี่ปุ่นร่วงลงไปตามๆกัน  สังเวยความขัดแย้งทางการทูตระหว่างสองประเทศ  ไม่ว่าจะเป็นหุ้นบริษัทเครื่องสำอางรายใหญ่ ชิเซโด หุ้นกลุ่มห้างสรรพสินค้า ทากาชิมายะ บริษัทแพน แปซิฟิก ซึ่งอยู่เบื้องหลังเครือร้าน "ดองกิโฮเต้"  หุ้นของอิเซตัน มิตซูโกชิ ผู้ดำเนินการห้างสรรพสินค้าที่มีรายได้จากนักท่องเที่ยวจีน ก็ดิ่งลงครั้งใหญ่ที่สุดในรอบกว่าหนึ่งปี

ที่มาข้อมูล : TNN WEALTH

ที่มารูปภาพ : CANVA