สงคราม"ราคาสุกี้" โม โม พาราไดซ์ ไม่ร่วมศึก แล้วจะสู้อย่างไร?

Share on Line Share on Facebook Share on X

ท่ามกลางสมรภูมิ “สุกี้-ชาบู” ในประเทศไทยที่กำลังร้อนระอุ โดยเฉพาะในตลาดแมสที่มีการหั่นราคากันอย่างดุเดือด หลายแบรนด์เลือกใช้กลยุทธ์ลดแลกแจกแถมเพื่อแย่งชิงลูกค้า แต่สำหรับ “Mo-Mo-Paradise” (โม โม พาราไดซ์) แบรนด์สุกี้สไตล์ญี่ปุ่นที่กำลังก้าวเข้าสู่ปีที่ 19 กลับเลือกที่จะเดินเกมที่แตกต่าง

คุณเอ สุรเวช เตลาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โนเบิล เรสเตอท์รองต์ จำกัด ผู้บริหารและผู้นำเข้าแบรนด์ Mo-Mo-Paradise เปิดเผยว่า แม้การแข่งขันจะรุนแรงและกำลังซื้อผู้บริโภคอาจชะลอตัว แต่โม โม พาราไดซ์ เลือกที่จะไม่ลงไปเล่นสงครามราคา หรือเร่งขยายสาขาเพื่อโกยกำไรระยะสั้น แต่หันกลับมาโฟกัสที่ “Core Business” หรือหัวใจหลักของธุรกิจ นั่นคือ “คุณภาพอาหารและการบริการ” เพื่อสร้างความมั่นใจให้ลูกค้าว่าทุกครั้งที่มาทาน จะได้รับประสบการณ์และรสชาติที่ได้มาตรฐานคงเดิม กลยุทธ์นี้พิสูจน์แล้วว่าประสบความสำเร็จ โดยปีที่ผ่านมาแม้ไม่ได้ขยายสาขาเพิ่ม แต่ยอดขายต่อสาขา (Same Store Sales) กลับเติบโตขึ้นสวนทางตลาด

สรุปข่าว

ผ่ากลยุทธ์ ‘Mo-Mo-Paradise’ ในวันที่ตลาดสุกี้เดือดระอุ ยืนหยัดไม่ลงเล่นสงครามราคาแต่ขอสู้ด้วยคุณภาพที่ครองใจลูกค้ามายาวนานถึง 19 ปี พร้อมขยับตัวครั้งใหญ่ส่งแบรนด์หรู ‘Nabezo Premium’ สาขาสยามพารากอน พลิกโฉมสู่โมเดล ‘All You Can Eat’ เจาะกลุ่มลูกค้าพรีเมียมที่มองหาความคุ้มค่าและรวดเร็ว ย้ำชัดทิศทางปีหน้าเน้นเติบโตแบบยั่งยืน รักษามาตรฐานบริการเหนือการเร่งขยายสาขา

ท่ามกลางสมรภูมิ “สุกี้-ชาบู” ในประเทศไทยที่กำลังร้อนระอุ โดยเฉพาะในตลาดแมสที่มีการหั่นราคากันอย่างดุเดือด หลายแบรนด์เลือกใช้กลยุทธ์ลดแลกแจกแถมเพื่อแย่งชิงลูกค้า แต่สำหรับ “Mo-Mo-Paradise” (โม โม พาราไดซ์) แบรนด์สุกี้สไตล์ญี่ปุ่นที่กำลังก้าวเข้าสู่ปีที่ 19 กลับเลือกที่จะเดินเกมที่แตกต่าง

คุณเอ สุรเวช เตลาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โนเบิล เรสเตอท์รองต์ จำกัด ผู้บริหารและผู้นำเข้าแบรนด์ Mo-Mo-Paradise เปิดเผยว่า แม้การแข่งขันจะรุนแรงและกำลังซื้อผู้บริโภคอาจชะลอตัว แต่โม โม พาราไดซ์ เลือกที่จะไม่ลงไปเล่นสงครามราคา หรือเร่งขยายสาขาเพื่อโกยกำไรระยะสั้น แต่หันกลับมาโฟกัสที่ “Core Business” หรือหัวใจหลักของธุรกิจ นั่นคือ “คุณภาพอาหารและการบริการ” เพื่อสร้างความมั่นใจให้ลูกค้าว่าทุกครั้งที่มาทาน จะได้รับประสบการณ์และรสชาติที่ได้มาตรฐานคงเดิม กลยุทธ์นี้พิสูจน์แล้วว่าประสบความสำเร็จ โดยปีที่ผ่านมาแม้ไม่ได้ขยายสาขาเพิ่ม แต่ยอดขายต่อสาขา (Same Store Sales) กลับเติบโตขึ้นสวนทางตลาด

ไฮไลท์สำคัญในปีนี้คือการปรับตัวของแบรนด์พี่ใหญ่อย่าง “Nabezo Premium” (นาเบโซ พรีเมียม) สาขาสยามพารากอน ที่ตัดสินใจรีแบรนด์รูปแบบการให้บริการจากเดิมที่เป็นคอร์ส (Course) มาเป็น “All You Can Eat” หรือบุฟเฟต์ระดับพรีเมียม เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ลูกค้าในห้างสรรพสินค้าที่ต้องการความรวดเร็วและความคุ้มค่า แต่ยังคงจัดเต็มด้วยวัตถุดิบระดับท็อปอย่าง เนื้อวากิว A5 และ ปูทาราบะ ที่นำเข้าโดยตรงจากญี่ปุ่น ทำให้สามารถทำราคาที่เข้าถึงได้ง่ายกว่าคู่แข่งในตลาดพรีเมียมเดียวกัน

สำหรับทิศทางในปีหน้า บริษัทตั้งเป้าขยายสาขา Mo-Mo-Paradise เพิ่ม 4-5 แห่ง และคาดการณ์รายได้เติบโตแตะ 2,200 ล้านบาท โดยเน้นหลักการเติบโตอย่างยั่งยืน (Sustainable Growth) มากกว่าการขยายตัวแบบก้าวกระโดด เพื่อรักษามาตรฐานแบรนด์ให้แข็งแกร่งและครองใจผู้บริโภคชาวไทยต่อไป

ติดตามบทสัมภาษณ์ฉบับเต็มได้ทาง  สงคราม"ราคาสุกี้" โม โม พาราไดซ์ ไม่ร่วมศึก แล้วจะสู้อย่างไร? I WEALTH X