
สรุปข่าว
วันนี้ (16 มิ.ย.65) แคทเธรีน สมอลล์วูด ผู้จัดการฝ่ายโรคฝีดาษลิงขององค์การอนามัยโลกประจำยุโรป แถลงข่าวว่า "องค์การอนามัยโลก" (WHO) กำลังตรวจสอบรายงานที่ว่า มีเชื้อไวรัส "ฝีดาษลิง" (Monkeypox) อยู่ในน้ำอสุจิของผู้ป่วย
โดยกำลังสำรวจความเป็นไปได้ว่า เชื้อโรคชนิดนี้ อาจแพร่เชื้อทางเพศสัมพันธ์ได้หรือไม่ พร้อมกับย้ำว่า ไวรัสฝีดาษลิง ส่วนใหญ่แล้วแพร่เชื้อผ่านการสัมผัสใกล้ชิดระหว่างคน โดยผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงที่พบการระบาดอยู่ในขณะนี้ ส่วนใหญ่อยู่ในยุโรป ในกลุ่มคู่นอนที่มีการสัมผัสใกล้ชิด
ภาพจาก Reuters
ทั้งนี้ ในช่วงไม่กี่วันมานี้ บรรดานักวิทยาศาสตร์ตรวจพบดีเอ็นเอของไวรัส อยู่ในน้ำอสุจิของกลุ่มผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงในอิตาลี และเยอรมนี ซึ่งรวมทั้งตัวอย่างผลตรวจในห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ ที่ระบุว่าพบเชื้อไวรัสฝีดาษลิงในน้ำอสุจิของผู้ป่วยคนหนึ่ง ที่สามารถแพร่เชื้อไปยังคนอื่นต่อ และสามารถจำลองตัวเองได้ หรือ เพิ่มจำนวนตัวเองได้
แต่การตรวจพบดีเอ็นเอของไวรัส ไม่จำเป็นต้องหมายความว่า โรคฝีดาษเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เหมือนกับ "เอดส์" หรือซิฟิลิส ซึ่งเข้าใจว่าเกิดจากเชื้อโรคที่แพร่เชื้อจากคนหนึ่งไปสู่อีกคนหนึ่ง โดยเฉพาะในน้ำอสุจิ สารคัดหลั่ง หรือของเหลวอื่น ๆ ในร่างกาย
มีการตรวจพบดีเอ็นเอของไวรัสจากไวรัสชนิดต่าง ๆ หลายชนิด อยู่ในน้ำอสุจิ รวมทั้งไวรัสซิกา แต่ยังไม่ชัดเจนว่าการมีสารพันธุกรรม เพิ่มความเสี่ยงของการแพร่เชื้อทางเพศสัมพันธ์หรือไม่
ภาพจาก Reuters
สมอลล์วูด กล่าวว่า "ยังไม่รู้ว่า รายงานชิ้นนี้หมายความว่า ไวรัสฝีดาษลิงสามารถแพร่เชื้อทางเพศสัมพันธ์ได้หรือไม่ นี่อาจเป็นสิ่งที่เราไม่เคยรู้มาก่อนเกี่ยวกับโรคนี้ เราจำเป็นต้องมุ่งเน้นไปที่วิธีการแพร่เชื้อที่พบบ่อยที่สุด และที่เราเห็นชัดเจน คือการติดต่อกันจากการสัมผัสทางผิวหนังต่อผิวหนัง".
ภาพจาก Reuters
- จีนผวา! พบผู้ติดเชื้อ "ฝีดาษลิงสายพันธุ์ใหม่" 5 ราย ต้นตอจากคองโก
- รายแรก! แคนาดา ยืนยันพบผู้ติดเชื้อโรคฝีดาษลิง "สายพันธุ์เคลด 1"
- WHO อนุมัติใช้ "วัคซีนฝีดาษลิง" จากบริษัทญี่ปุ่น สำหรับใช้กรณีฉุกเฉิน
- ฝีดาษลิง ในแอฟริกาพบแล้วเกือบ 3 หมื่นคน "อินเดีย" พบผู้ป่วยชนิดรุนแรงรายแรก
- สธ.ยกระดับโรค “ฉี่หนู”บนเวทีโลก ชงบรรจุเป็นโรคเขตร้อนที่ถูกละเลยของ WHO
- กรมควบคุมโรค สั่งนำเข้า วันซีนฝีดาษลิง 3,000 โดส เตรียมเริ่มใช้ในกลุ่มเสี่ยงก่อน
- สธ.พิจารณาแนวทาง "ฉีดวัคซีนฝีดาษลิง" ใครบ้างจะได้ฉีดเป็นกลุ่มแรก?
ที่มาข้อมูล : -
TNNThailand