อิสราเอลโจมตีกาซา มีผู้เสียชีวิตเพิ่มเกือบ 100 รายในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา

อิสราเอลโจมตีฉนวนกาซา ทำให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีกเกือบ 100 คนในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา รวมตัวเลขผู้เสียชีวิตในกาซาขณะนี้ เกือบ 30,000 คน

เจ้าหน้าที่องค์การอนามัยโลก หรือ WHO แถลงตั้งเป้าอพยพผู้ป่วยเพิ่มอีกประมาณ 150 คน ที่ติดค้างอยู่ในโรงพยาบาลนาสเซอร์ ในเมืองข่าน ยูนิส ภาคใต้ของฉนวนกาซา ซึ่งจนถึงขณะนี้ WHO ร่วมกับหน่วยงานบรรเทาทุกข์อื่น ๆ ทำการอพยพผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาลแห่งนี้ 3 ครั้งแล้ว ครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ซึ่งได้เคลื่อนย้ายผู้ป่วย 51 คน ไปยังภาคใต้ของกาซา

WHO แถลง โรงพยาบาลนาสเซอร์ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลใหญ่อันดับสองของกาซา และมีบทบาทสำคัญในการให้บริการด้านสาธารณสุข ได้หยุดการให้บริการไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังอิสราเอลปิดล้อมและบุกโจมตีอยู่หนึ่งสัปดาห์

สี่เดือนครึ่ง หลังจากอิสราเอลเริ่มใช้ปฏิบัติการทางทหารในกาซา เพื่ตอบโต้กลุ่มหัวรุนแรงฮามาสที่โจมตีอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ปีที่แล้ว เหลือโรงพยาบาลเพียง 13 แห่งเท่านั้นจากทั้งหมด 34 แห่งในดินแดนปาเลสไตน์แห่งนี้ ยังเปิดให้บริการเป็นบางส่วน หรือในระดับที่ต่ำมาก พลเมืองกาซาส่วนใหญ่กลายเป็นผู้พลัดถิ่นและอพยพลงใต้ไปแออัดกันอยู่รอบเมืองราฟาห์ ติดพรมแดนอียิปต์

อิสราเอล ระบุว่า กลุ่มหัวรุนแรงฮามาส ซึ่งบริหารกาซาตั้งแต่ปี 2550 ใช้โรงพยาบาลบังหน้า ซึ่งฮามาสปฏิเสธข้อกล่าวหานี้ และบอกว่า ข้อกล่าวหาของอิสราเอล แค่เป็นข้ออ้างในการทำลายระบบสาธารณสุขของกาซา

สงครามเริ่มต้นขึ้นเมื่อกลุ่มนักรบฮามาส บุกโจมตีอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม สังหารผู้คนไป 1,200 คน และจับตัวประกัน 253 คน ส่วนอิสราเอลตอบโต้ด้วยการโจมตีกาซาอย่างหนัก ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขกาซา ระบุว่า มีชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตแล้วเกือบ 30,000 คน และเชื่อว่ายังมีผู้เสียชีวิตอีกหลายพันคนติดอยู่ในซากปรักหักพังของอาคารบ้านเรือน และบาดเจ็บกว่า 69,000 คน

ส่วนกองทัพอิสราเอลยังยิงปืนใหญ่โจมตีกาซาเมื่อวานนี้(22 ก.พ.) เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของฉนวนกาซา ระบุว่า มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 97 คน และบาดเจ็บ 130 คนในการโจมตีของอิสราเอลช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา แต่เหยื่อส่วนใหญ่ยังอยู่ใต้ซากอาคารบ้านเรือน หรือในพื้นที่ที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยยังเข้าไปไม่ถึง

ชาวปาเลสไตน์ผู้พลัดถิ่น ที่พักอาศัยอยู่นโรงเรียนแห่งหนึ่งในค่ายผู้ลี้ภัยจาบาเลีย ที่ได้รับความเสียหายจากสงครามในภาคเหนือของกาซา เปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า พวกเขาดิ้นรนต่อสู้กับการขาดแคลนอาหาร เนื่องจากการส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าไปในพื้นที่มีน้อยมาก  

อย่างไรก็ตามเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา โครงการอาหารโลกของสหประชาชาติ แถลงว่า ได้หยุดการส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมไปยังภาคเหนือของกาซาแล้ว เพียงสองวันหลังจากเพิ่งเริ่มต้นส่งใหม่ เนื่องจากขบวนรถบรรเทาทุกข์ต้องเผชิญกับฝูงชนที่พยายามจะปีนขึ้นรถบรรทุกเพื่อแย่งชิงอาหาร, การยิงต่อสู้กันในกาซา, การยึดแป้งและการทำร้ายร่างกายคนขับรถบรรทุก

ความช่วยเหลือที่เข้าสู่กาซาจากอียิปต์ เกือบไม่มีแล้วในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา และการล่มสลายของความมั่นคง ทำให้ประสบกับความยากลำบากมากยิ่งขึ้นในการแจกจ่ายอาหาร ตามข้อมูลของทางยูเอ็นและเจ้าหน้าที่

ตัวเลขรายวันแสดงให้เห็นว่า สิ่งของช่วยเหลือที่เข้าไปถึงฉนวนกาซา ลดลงอย่างรวดเร็วนับตั้งแต่วันที่ 9 กุมภาพันธ์ ขณะที่ มีประชากรผู้พลัดถิ่นส่วนใหญ่จากจำนวน 2.3 ล้านคนกำลังเผชิญกับความอดอยากในระดับวิกฤต

ทั้งนี้ ก่อนเกิดความขัดแย้ง กาซาพึ่งพารถบรรทุก 500 คนในการลำเลียงสิ่งของจำเป็นต่าง ๆ ในแต่ละวัน และแม้แต่ระหว่างการสู้รบในช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา ก็ยังมีรถบรรทุกความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมประมาณ 200 คันเข้าไปทุกวัน แต่ตามตัวเลขของยูเอ็น นับจากวันที่ 9-20 กุมภาพันธ์ ความช่วยเหลือเฉลี่ยรายวันลดลงเหลือเพียง 57 คัน โดยใน 7 วันจาก 12 วันดังกล่าว มีรถบรรทุกไม่เกิน 20 คันผ่านไปได้ รวมถึงมีรถบรรทุกเพียงสี่คันในวันที่ 17 กุมภาพันธ์

ด้านเมาโร วิเอรา รัฐมนตรีต่างประเทศของบราซิล ซึ่งเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศจี20 แถลงปิดการประชุม 2 วันเมื่อวานนี้ว่า รัฐมนตรีต่างประเทศในที่ประชุมกลุ่มประเทศจี20 ลงมติเกือบเป็นเอกฉันท์ในการสนับสนุนการแก้ปัญหาสองรัฐ ว่าเป็นหนทางเดียวเท่านั้นที่จะทำให้เกิดสันติภาพในความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์

วิเอรา กล่าวว่า สมาชิกทั้งหมดของกลุ่มประเทศเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก แสดงความกังวลเกี่ยวกับสงครามในกาซา และความเสี่ยงของความขัดแย้งที่จะลุกลามบานปลายในตะวันออกกลาง มีเสียงเรียกร้องให้หยุดยิงและเข้าถึงกาซาสำหรับความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ขณะเดียวกัน ก็มีอีกหลายประเทศวิพากษ์วิจารณ์การปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอลในเมืองราฟาห์

การประชุม ซึ่งปีนี้มีบราซิลเป็นประธานหมุนเวียน ได้หารือสถานการณ์ความตึงเครียดในโลกปัจจุบัน ส่วนใหญ่พุ่งเป้าไปที่สงครามการสู้รบในกาซาและยูเครน ซึ่งนักการทูต กล่าวว่า รัฐมนตรีต่างประเทศจี20 จากชาติตะวันตก ต่างโจมตีรัสเซียที่รุกรานยูเครน ขณะที่ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เซอร์เก ลาฟรอฟ เพียงรับฟังระหว่างการประชุม

นอกจากนี้ วิเอรา กล่าวว่า ประเทศจี20 ทั้งหมดให้การสนับสนุนลำดับความสำคัญที่บราซิลกำหนดไว้สำหรับกลุ่มในปี 2567 อันได้แก่ การปฏิรูปสหประชาชาติและองค์กรพหุภาคีอื่น ๆ, ต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการลดความหิวโหยและความยากจนในโลก

ภาพจาก AFP