
สรุปข่าว
ความคืบหน้าภายหลังจาก เครื่องบินโบอิ้งรุ่น 777-300ER ของสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ซึ่งมีผู้โดยสารจำนวน 211 ราย และลูกเรือ 18 ราย ได้เดินทางออกจากสนามบินฮีทโธรว์ กรุงลอนดอน โดยมีปลายทางที่สิงคโปร์ แต่ได้เผชิญกับสภาพอากาศแปรปรวนอย่างรุนแรงและตกหลุมอากาศระหว่างเส้นทาง ทำให้เครื่องบินต้องเปลี่ยนเส้นทางลงจอดที่สนามบินสุวรรณภูมิเมื่อวานนี้ (21 พ.ค.) เวลา 15.45 น. ตามเวลาไทย
ล่าสุด เพจเฟซบุ๊กสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ Singapore Airlines ได้แจ้งว่า ผู้โดยสาร 131 คนและลูกเรือ 12 คนที่อยู่บนเครื่อง SQ321 เดินทางมาถึงสิงคโปร์แล้ว เมื่อเวลา 05.05 น. (เวลาสิงคโปร์) และยืนยันได้ว่ามีผู้โดยสาร 1 คน ส่วนผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บอีก 79 คนและลูกเรืออีก 6 คน ยังคงอยู่ในรักษาตัวกรุงเทพฯ
ข้อมูลจาก FlightRadar24 แสดงให้เห็นว่า เที่ยวบิน SQ321 ได้เผชิญสภาพอากาศแปรปรวนเมื่อเวลา 15.06 น.ตามเวลาไทยเมื่อวานนี้ ขณะที่บินอยู่เหนือทะเลอันดามันใกล้ชายฝั่งไทย ทำให้เครื่องบินลดเพดานบินจากระดับ 37,000 ฟุต สู่ระดับ 31,000 ฟุต หรือดิ่งลงถึง 6,000 ฟุต ภายในเวลาเพียง 4 นาที
นายธาร์มัน ชันมูการัตนัม ประธานาธิบดีสิงคโปร์ ได้แสดงความเสียใจต่อครอบครัวของผู้ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์เครื่องบินโบอิ้ง 777-300ER ของสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ตกหลุมอากาศ ก่อนลงจอดฉุกเฉินที่สนามบินสุวรรณภูมิเมื่อวานนี้
ขณะที่บริษัทโบอิ้งออกแถลงการณ์แสดงความเสียใจต่อผู้ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว และยืนยันว่าทางบริษัทพร้อมให้ความร่วมมือในการสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ภาพจาก สพฉ
- ‘สิงคโปร์แอร์ไลน์’ ชดเชย 1 หมื่นดอลลาร์ ให้ผดส.บาดเจ็บเล็กน้อยจากตกหลุมอากาศ
- "เวชศาสตร์การบิน" แพทย์ที่รักษาและช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากการบิน
- ผู้ป่วยเที่ยวบิน "สิงคโปร์แอร์ไลน์ส" ยังอยู่ไอซียูรพ.สมิติเวช ศรีนครินทร์ 20 คน
- หลุมอากาศคืออะไร เครื่องบินรับมือได้อย่างไร ? เจาะลึกเทคโนโลยีจากเหตุการณ์เที่ยวบิน SQ321 ของ Singapore Airlines
- นายกฯ สิงคโปร์แถลงขอบคุณเจ้าหน้าที่ไทยช่วยเหลือสิงคโปร์แอร์ไลน์
- คืบหน้าสิงคโปร์แอร์ไลน์ตกหลุมอากาศ ทีมแพทย์ไทยดูแลคนเจ็บ 71 รายใกล้ชิด
- 'โลกร้อน' ทำลมกรดแปรปรวน เพิ่มโอกาสเครื่องบินตกหลุมอากาศ
ที่มาข้อมูล : -
TNNThailand