ไทยได้อะไรจาก BIMSTEC? ขุมทรัพย์แห่ง “อ่าวเบงกอล”

ไทยได้อะไรจาก BIMSTEC? ขุมทรัพย์แห่ง “อ่าวเบงกอล”

สรุปข่าว

เรากำลังพูดถึง BIMSTEC  หรือ ความริเริ่มแห่งอ่าวเบงกอลสำหรับความร่วมมือหลากหลายสาขาทางวิชาการและเศรษฐกิจ (Bay of Bengal Initiative for Multi-Sectoral Technical and Economic Cooperation) มีสมาชิก 7 ประเทศ ได้แก่ บังกลาเทศ ภูฏาน อินเดีย   เมียนมา  เนปาล ศรีลังกา และประเทศไทย เป็นความริเริ่มโดยประเทศไทยเมื่อเกือบ 27  ปีก่อน และเรากำลังจะกลับมาเป็นเจ้าภาพจัดประชุมสุดยอดผู้นำอีกครั้งในรอบ 20 ปี เพื่อผลักดันให้ความร่วมมือนี้.. เดินหน้า ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งภาคธุรกิจ และภาคสังคม

ไทยได้อะไรจาก BIMSTEC? ขุมทรัพย์แห่ง “อ่าวเบงกอล”

อ่าวเบงกอล นับเป็นหนึ่งในเส้นทางการค้าที่มีความสำคัญมาอย่างยาวนาน ที่ยึดโยงประชาชนในอนุภูมิภาคแห่งนี้เข้าไว้ด้วยกัน ตั้งแต่ที่ยังไม่ได้มีการแบ่งประเทศอย่างชัดเจนเหมือนเช่นในปัจจุบัน  - แต่ในภาวะสงครามเย็น ก็ทำให้ประเทศในแถบนี้มีความห่างเหินกันไป จนอาจเรียกได้ว่า อนุภูมิภาครอบอ่าวเบงกอลนี้ มีการรวมตัวและร่วมมือกันน้อยที่สุดในโลก 


ศ.ดร. ปิติ ศรีแสงนาม ผู้อำนวยการบริหาร มูลนิธิอาเซียน ณ กรุงจาการ์ตา มองว่า ภูมิภาคอ่าวเบงกอล มีความสำคัญต่อวิถีชีวิตคนในระแวกนี้มายาวนานนับพันปี แต่เราห่างเหินกันไป จึงถึงเวลาแล้วที่เราควรต้องหันกลับมาหากันอีกครั้ง

ไทยได้อะไรจาก BIMSTEC? ขุมทรัพย์แห่ง “อ่าวเบงกอล”

“Bay of Bengal คือสิ่งที่เชื่อมโยงพื้นที่ตรงนี้เข้าไว้ด้วยกัน และคำว่า Bay of Bengal หรืออ่าวเบงกอลเนี่ย มีมาก่อนเส้นเขตแดนประเทศ อินเดียเพิ่งมีเส้นเขตแดนจริงจังเมื่อปี 1947-1948 วันที่เขาได้รับเอกราช - บังกลาเทศ เพิ่งแยกออกมาในปี 1971 - เมียนมา 1948 - แต่อ่าวเบงกอลเป็นเส้นทางการค้าที่เชื่อมโยงกันมา 3,000 ปีแล้ว เป็นเส้นทางการค้าที่ยึดโยงและถ่ายทอดวัฒนธรรม ในพื้นที่อนุทวีปที่เราเรียก “ชมพูทวีป” หรือเอเชียใต้ และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” ดร.ปิติ กล่าว


BIMSTEC ก่อตั้งขึ้นมาเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน ปี 2540 หรือปีที่ไทยเจอกับวิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง โดยมีรัฐบาลไทย สมัยของชวน หลีกภัย เป็นผู้ริเริ่ม ด้วยเหตุผลว่า กลุ่มประเทศแถบเอเชียใต้นั้น เป็นกลุ่มประเทศที่มีความสัมพันธ์


ทางการค้า วัฒนธรรม และศาสนามาหลายร้อยปี โดยมีอ่าวเบงกอลเป็นศูนย์กลางที่ร้อยประสานวิถีชีวิตของคนในพื้นที่นี้ไว้ด้วยกัน 


แต่ในช่วงคริสต์ทศวรรษที่ 1960 - 1990 เป็นต้นมา ประเทศไทยและภูมิภาคนี้ห่างเหินกันมาก โดยเฉพาะในเรื่องทาง “เศรษฐกิจ” ที่ไทยเน้นร่วมมือกับเอเชียตะวันออก และเอเชียใต้เน้นดีลกับสหภาพโซเวียตและเอเชียตะวันออกกลางเป็นหลัก ทั้งที่จริง ๆ แล้ว หากทำการค้าและการลงทุนระหว่างกัน จะช่วยให้เกิดความเข้มแข็งที่มีต่อกันได้ ความร่วมมือนี้จึงเกิดขึ้น


ผศ.สุรัตน์ โหราชัยกุลประจำภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บอกว่า แม้ประเทศในเอเชียใต้จะมีความร่วมมือ South Asian Association for Regional Cooperation หรือ “SAARC” อยู่แล้วมาตั้งแต่ปี 1985  ด้วยพันธกิจในเรื่องของการค้า ลดกำแพงภาษี มาตรการนำเข้า-ส่งออก ทั้งยังจะมีการเปิดรับสมาชิกแบบ Interregional เพิ่มขึ้น อย่างสหรัฐอเมริกา และเกาหลีใต้ แต่ตอนนี้ BIMSTEC กำลังได้รับความสนใจมากกว่า 


“อินเดียตระหนักแล้วว่า SAARC อาจไม่ใช่คำตอบ บังกลาเทศ เนปาล ภูฏาน ก็มองว่า SAARC มันไปไหนไม่ได้ เมื่ออินเดีย-ปากีสถานขัดแย้งกัน ดังนั้น องค์กรของเอเชียใต้ นี้ จึงชะงักลง โดยเฉพาะทางอินเดีย - เชิญ SAARC มาในสมัยแรก - แต่ในสมัยที่ 2 กลับเชิญผู้นำ BIMSTEC แทน ซึ่งหมายความว่า เขาหันมาทางนี้กันมากขึ้นแล้ว” ดร.สุรัตน์ กล่าว


งานศึกษา (Banik, 2006Yahya, 2006ITD, 2020ได้ชี้ชัดไปในทิศทางที่ว่า ในการสร้างความร่วมมือแบบที่เอเชียใต้ “สร้างกันเอง อยู่กันเอง” ส่วนใหญ่แล้วมักจะมาตกม้าตายในเรื่องของ “ความขัดแย้งระหว่างรัฐสมาชิก” ไม่ว่าจะเป็น อินเดีย-ปากีสถาน อินเดีย-อัฟกานิสถาน หรืออินเดีย-ศรีลังกา ตรงนี้ งานศึกษา (BHATTACHARJEE, 2023ได้เสนอเพิ่มเติมว่า หากเอเชียใต้เป็นเช่นนี้ต่อไป ก็ไม่อาจที่จะสถาปนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจแบบยั่งยืนได้ เพราะหากขัดแย้งกัน ก็จะมีการเล่นเกมการเมืองแบบตั้งกำแพงภาษี เพิ่ม


อุปสรรคการไหลเวียนของทุน หรือกระทั่งทำอะไรที่ขัดกับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจร่วมกัน


ดังนั้น การที่มีประเทศไทยเป็นโต้โผหลักในการสร้างความร่วมมือ โดยมีสมาชิกเป็นเอเชียใต้เสียเป็นส่วนใหญ่ จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ของเอเชียใต้ ในการที่จะธำรงสถานะของความร่วมมือไว้ โดยที่ไม่ต้องบริหารจัดการกันเอง


และประเทศไทยเป็นหนึ่งใน “รัฐไกล่เกลี่ย” อยู่ด้วยแล้ว ดังนั้น หากว่าภายในเอเชียใต้บาดหมางกัน ความร่วมมือก็จะยังดำเนินต่อไปได้ โดยที่มีไทยเป็นสื่อกลาง การค้าก็จะยังดำเนินต่อไปได้ เพราะถือว่าสมาชิกขัดแย้งกัน ไม่ใช่ “ผู้ร่วมก่อตั้ง” ขัดแย้งกัน


อ่าวเบงกอล นับเป็นพื้นที่เป้าหมายที่ประเทศไทยต้องให้ความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะนอกจากความใกล้ชิดในฐานะเพื่อนบ้านแล้ว ภูมิภาคอ่าวเบงกอลยังเป็นหนึ่งในเขตเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก  เพราะแถบนี้มีมูลค่าผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ หรือ GDP รวมกันสูงกว่า 5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ 


แต่ละประเทศล้วนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และมีศักยภาพที่แตกต่างกันออกไป แต่ละชาติจึงจะเป็นเจ้าภาพขับเคลื่อนในประเด็นที่แตกต่างกัน  คือ

ไทยได้อะไรจาก BIMSTEC? ขุมทรัพย์แห่ง “อ่าวเบงกอล”


บังกลาเทศ - เจ้าภาพเรื่องการค้าการลงทุน การพัฒนา เพราะมีท่าเรือจิตตะกอง ที่ใหญ่มากของอ่าวเบงกอล  

ภูฏาน - อยู่ในพื้นที่เปราะบางที่สุด เพราะไม่มีทางออกทะเล - เป็นพื้นที่ที่ละเอียดอ่อน จึงให้ดูแลเรื่องสิ่งแวดล้อมและสภาพภูมิอากาศ 

อินเดีย - ดูแลเรื่องพลังงาน และความมั่นคง เพราะอินเดียมีระบบข่าวกรอง-การคัดกรองที่เข้มแข็ง และเข้มข้น 

เมียนมา - ดูเรื่องการเกษตร และความมั่นคงด้านอาหาร 

เนปาล - ดูเรื่องการเชื่อมโยงคน 

ศรีลังกา - ดูเรื่องวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 

ไทย - ดูเรื่องการเชื่อมโยง หรือ Connectivity  - คือการเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐาน และการเชื่อมโยงในทุกมิติเข้าด้วยกัน 


ปีนี้ ไทย ในฐานะประธาน BIMSTEC กำลังจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดผู้นำ BIMSTEC ภายใต้ธีม PRO ซึ่งประกอบด้วย


- Prosperous - ความรุ่งโรจน์

- Resilient - ความยืดหยุ่น ยั่งยืน 

- Open - เปิดกว้าง 


แม้ว่าที่ผ่านมา หลายคนยังคงบอกว่า BIMSTEC ยังคงล้มลุกคลุกคลาน ยังไม่อาจขับเคลื่อนได้ดังหวัง และเต็มไปด้วยความท้าทาย ที่ต้องเร่งดำเนินการ เพื่อให้ความร่วมมืออ่าวเบงกอลนี้ “จับต้อง” ได้มากขึ้น  เพื่อท้ายที่สุดแล้ว BIMSTEC จะทำให้ Global South ผงาดขึ้นมาในเวทีโลกขึ้นมาได้ในวันหนึ่ง


“ความคาดหวังของผม ความฝันเลยดีกว่า ผมอยากเห็นทุกประเทศให้ความสำคัญเรื่องนี้มากที่สุด วางในนโยบายต่างประเทศเป็นอันดับต้น ๆ เพราะตรงนี้มี protential แล้วอยากรู้ protential ให้ย้อนกลับไปในอดีต ... เพื่อที่จะบอกว่า ข้างหน้าจะเป็นอย่างไร หากเราสามารถร่วมมือกันได้ ภัยคุกคามด้านความไม่มั่นคงของมนุษย์ จากธรรมชาติ หากเราร่วมมือกันได้ มันย่อมดีกว่าประเทศเดียวแก้ปัญหา” ดร.สุรัตน์ โหราชัยกุล กล่าวทิ้งท้ายความฝันต่อ BIMSTEC ในอนาคต


ไทยได้อะไรจาก BIMSTEC? ขุมทรัพย์แห่ง “อ่าวเบงกอล”

ที่มาข้อมูล : -

ที่มารูปภาพ :

avatar

TNNThailand