
สรุปข่าว
รายงานการศึกษาจาก Hainan Academy of Agricultural Sciences ที่เปรียบเทียบ “ทุเรียน” ที่ปลูกในประเทศจีน และที่ปลูกในประเทศไทย พบว่า “ทุเรียนหมอนทอง” ที่นำไปปลูกที่มณฑลไห่หนานของจีน ไม่มี “สารเควอซิทิน” ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระเลย ในขณะที่ทุเรียนหมอนทองของไทย มี “สารเควอซิทิน” ในปริมาณมาก
ในขณะที่สายพันธุ์ก้านยาวที่ปลูกในไห่หนาน พบว่ามีสารเคอร์ซิตินอยู่บ้าง แต่ก็ต่ำกว่าสายพันธุ์เดียวกันที่ปลูกในต่างประเทศถึง 520 เท่า และต่ำกว่าที่อยู่ในทุเรียนหมอนทองของไทยถึง 540,000 เท่า
ส่วน “กรดแกลลิก” (gallic acid) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ, ต้านการอักเสบ และมีผลในการต้านมะเร็ง – ทีมวิจัยพบว่า ไม่พบในทุเรียนก้านยาวของจีน เหมือนที่เคยมีรายงานก่อนหน้านี้ - ส่วนในหมอนทองของจีน พบว่ามี แต่อยู่ในระดับที่น้อยมาก ที่ 22.85 นาโนกรัม ต่อทุเรียน 1 กรัม ขณะที่ผลการศึกษาเมื่อปี 2008 ทุเรียนหมอนทองของไทย มีกรดแกลลิก ถึง 2,072 ไมโครกรัมต่อทุเรียน 100 กรัม – เรียกว่ามากกว่าจีนถึง 906 เท่าตัวเลยทีเดียว
จาง จิง นักวิจัยจากสถาบันดังกล่าว ระบุว่า ด้วยสภาพแวดล้อมที่แตกต่าง และดินปลูกที่มีแร่ธาตุและสารอาหารที่แตกต่าง มีผลกระทบต่อการเติบโตของทุเรียนอย่างมาก จีนนับว่าเป็นประเทศผู้นำเข้าทุเรียนรายใหญ่ของโลก คือราว 95% ของการส่งออกทั่วโลก โดยปี 2018 เริ่มมีการนำทุเรียนไปปลูกที่มณฑลไห่หนาน ซึ่งเป็นเกาะร้อนชื้นเพียงแห่งเดียวของประเทศ ที่เหมาะสมสำหรับปลูกราชาแห่งผลไม้นี้
- จีนเลิก "แบน" อาหารทะเลญี่ปุ่น จ่อนำเข้าอีกครั้ง
- "คนจีน" ไม่กล้าใช้จ่าย 80 % หันออมเงิน แม้ดอกเบี้ยต่ำ
- รู้จัก MOU43 คืออะไร แล้วมีความสำคัญอย่างไร กับชายแดนไทย-กัมพูชา
- เตือน! กินทุเรียนคู่กับดื่มแอลกอฮอล์ เพิ่มความเสี่ยงต่อการหมดสติได้
- "ทุเรียนปราจีนบุรี"เนื้อแน่น คุณภาพดี ดังไกลส่งขายถึงยุโรป | เรื่องดีดีทั่วไทย | 27-05-68
- วิสัยทัศน์ “ASEAN 2045: Our Shared Future” คืออะไร ที่นายกฯ แพทองธารเพิ่งลงนามไปที่กรุงกัวลาลัมเปอร์
ที่มาข้อมูล : -
TNNThailand