
นายกรัฐมนตรี เคียร์ สตาร์เมอร์ แถลงต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรอังกฤษเมื่อวานนี้ ว่ารัฐบาลเตรียมเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหมและการป้องกันประเทศ จาก 2.3 % ของผลผลิตมวลรวมในประเทศ หรือ GDP เป็น 2.5% ของ GDP ภายในปี 2027 หรือที่ระดับ 13,400 ล้านปอนด์ต่อปี (ประมาณ 574,250 ล้านบาท) และจะทยอยปรับขึ้นเป็น 3% ของ GDP ในอนาคต โดยรัฐบาลจะลดงบประมาณด้านการให้ความช่วยเหลือและพัฒนาในต่างประเทศจาก 0.5% ของ GDP ลงมาเหลือ 0.3% ของ GDP เพื่อนำงบส่วนนี้ไปเพิ่มให้งบด้านกลาโหมแทน ซึ่งครั้งสุดท้ายที่อังกฤษใช้งบประมาณด้านกลาโหมสูงถึง 3% ของ GDP ต้องย้อนกลับไปเมื่อปีงบประมาณ 1993/1994
สตาร์เมอร์แถลงว่า รัฐบาลตัดสินใจที่จะเริ่มแผนการเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหมและป้องกันประเทศครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่สิ้นสุดยุคสงครามเย็น เนื่องจากเห็นว่าประเทศกำลังเผชิญกับยุคใหม่ที่อันตรายและน่าวิตกกังวล เห็นได้จากรัฐบาลรัสเซียของประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน ไม่คิดที่จะหยุดโจมตียูเครน เรือและเครื่องบินจารกรรมของรัสเซียก่อกวนและรุกล้ำน่านน้ำและน่านฟ้าอังกฤษและทั่วยุโรป อีกทั้งยังโจมตีทางไซเบอร์เครือข่ายระบบดูแลสุขภาพในประเทศ อังกฤษไม่อาจหนีจากสิ่งเหล่านี้พ้นรัฐบาลจึงจำเป็นต้องตัดสินใจอย่างยากลำบากในการเพิ่มงบด้านกลาโหมและป้องกันประเทศ และลดการใช้จ่ายด้านการช่วยเหลือในต่างประเทศแทน
สรุปข่าว
นายกรัฐมนตรี เคียร์ สตาร์เมอร์ แถลงต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรอังกฤษเมื่อวานนี้ ว่ารัฐบาลเตรียมเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหมและการป้องกันประเทศ จาก 2.3 % ของผลผลิตมวลรวมในประเทศ หรือ GDP เป็น 2.5% ของ GDP ภายในปี 2027 หรือที่ระดับ 13,400 ล้านปอนด์ต่อปี (ประมาณ 574,250 ล้านบาท) และจะทยอยปรับขึ้นเป็น 3% ของ GDP ในอนาคต โดยรัฐบาลจะลดงบประมาณด้านการให้ความช่วยเหลือและพัฒนาในต่างประเทศจาก 0.5% ของ GDP ลงมาเหลือ 0.3% ของ GDP เพื่อนำงบส่วนนี้ไปเพิ่มให้งบด้านกลาโหมแทน ซึ่งครั้งสุดท้ายที่อังกฤษใช้งบประมาณด้านกลาโหมสูงถึง 3% ของ GDP ต้องย้อนกลับไปเมื่อปีงบประมาณ 1993/1994
สตาร์เมอร์แถลงว่า รัฐบาลตัดสินใจที่จะเริ่มแผนการเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหมและป้องกันประเทศครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่สิ้นสุดยุคสงครามเย็น เนื่องจากเห็นว่าประเทศกำลังเผชิญกับยุคใหม่ที่อันตรายและน่าวิตกกังวล เห็นได้จากรัฐบาลรัสเซียของประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน ไม่คิดที่จะหยุดโจมตียูเครน เรือและเครื่องบินจารกรรมของรัสเซียก่อกวนและรุกล้ำน่านน้ำและน่านฟ้าอังกฤษและทั่วยุโรป อีกทั้งยังโจมตีทางไซเบอร์เครือข่ายระบบดูแลสุขภาพในประเทศ อังกฤษไม่อาจหนีจากสิ่งเหล่านี้พ้นรัฐบาลจึงจำเป็นต้องตัดสินใจอย่างยากลำบากในการเพิ่มงบด้านกลาโหมและป้องกันประเทศ และลดการใช้จ่ายด้านการช่วยเหลือในต่างประเทศแทน
การตัดสินใจของรัฐบาลอังกฤษครั้งนี้ เกิดขึ้นก่อนที่สตาร์เมอร์จะเดินทางเยือนสหรัฐฯ และพบหารือกับประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ทำเนียบขาวในวันพฤหัสบดีนี้ ซึ่งทรัมป์เคยออกมาเรียกร้องให้ชาติสมาชิกองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต ที่อังกฤษเป็นสมาชิกอยู่ด้วย เพิ่งงบประมาณด้านกลาโหมของตนเองมากขึ้น
- รมว.กลาโหมสหรัฐฯ เรียกร้องเอเชียเพิ่มงบประมาณกลาโหมรับมือความมั่นคงอินโด-แปซิฟิก
- อภิปรายงบฯ 2569 โค้งสุดท้ายสู่การลงมติ กับเดิมพันเศรษฐกิจแผ่นดิน
- คดีฉ้อโกงใน"อังกฤษ"พุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์
- "Made in Thailand" กระแสดีในอังกฤษ นายกฯ เร่งผลักดันรุกตลาดยุโรป
- 3 หนุ่ม 3 มุม "มาครง, สตาร์เมอร์, แมร์ซ" ร่วมทริปรถไฟหา "เซเลนสกี"
- ทรัมป์ประกาศดีลการค้าประวัติศาสตร์กับอังกฤษ ลดภาษีสินค้าหลายรายการ
- "กรุงศรี" มอง "เศรษฐกิจไทย" เผชิญขาลง GDP เสี่ยงโตแค่ 1.3% จับตา "ภาษีสหรัฐฯ" ชี้ขาด
TNNThailand