ฟิลิปปินส์และไต้หวันออกคำสั่งอพยพประชาชนในวันนี้ (21 ก.ย.) หลังซูเปอร์ไต้ฝุ่น “รากาซา” เคลื่อนตัวใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดความกังวลว่าจะเกิดน้ำท่วมฉับพลันและดินถล่ม ขณะกำลังทวีความรุนแรงขึ้นมุ่งหน้าสู่การพุ่งชนพื้นที่ทางตอนใต้ของจีน
สำนักงานอุตุนิยมวิทยาฟิลิปปินส์รายงานว่า ไต้ฝุ่นกำลังอยู่ในช่วง “ทวีกำลังอย่างฉับพลัน” และคาดว่าจะขึ้นฝั่งที่หมู่เกาะบาตาเนสหรือบาบูยัน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีประชากรเบาบาง ในบ่ายวันที่ 23 กันยายนนี้ โดยเมื่อเวลา 11.00 น.ที่ผ่านมา ศูนย์กลางพายุมีความเร็วลมสูงสุด 185 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และมีลมกระโชกแรงถึง 230 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เคลื่อนตัวไปทางตะวันตก
สรุปข่าว
ฟิลิปปินส์และไต้หวันออกคำสั่งอพยพประชาชนในวันนี้ (21 ก.ย.) หลังซูเปอร์ไต้ฝุ่น “รากาซา” เคลื่อนตัวใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดความกังวลว่าจะเกิดน้ำท่วมฉับพลันและดินถล่ม ขณะกำลังทวีความรุนแรงขึ้นมุ่งหน้าสู่การพุ่งชนพื้นที่ทางตอนใต้ของจีน
สำนักงานอุตุนิยมวิทยาฟิลิปปินส์รายงานว่า ไต้ฝุ่นกำลังอยู่ในช่วง “ทวีกำลังอย่างฉับพลัน” และคาดว่าจะขึ้นฝั่งที่หมู่เกาะบาตาเนสหรือบาบูยัน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีประชากรเบาบาง ในบ่ายวันที่ 23 กันยายนนี้ โดยเมื่อเวลา 11.00 น.ที่ผ่านมา ศูนย์กลางพายุมีความเร็วลมสูงสุด 185 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และมีลมกระโชกแรงถึง 230 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เคลื่อนตัวไปทางตะวันตก
รัฐมนตรีมหาดไทยฟิลิปปินส์ เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น “อย่าเสียเวลาแม้แต่นาทีเดียว” ในการอพยพครอบครัวออกจากพื้นที่เสี่ยงภัย
นักอุตุนิยมวิทยาฟิลิปปินส์ เผยว่า พายุลูกนี้อาจทำให้ “เกิดน้ำท่วมรุนแรงและดินถล่ม” โดยเฉพาะทางตอนเหนือของเกาะลูซอน
ฟิลิปปินส์ถือเป็นแนวหน้าที่เผชิญพายุหมุนเขตร้อนในมหาสมุทรแปซิฟิก โดยเฉลี่ยปีละ 20 ลูก ทำให้ประชาชนหลายล้านคนในพื้นที่เสี่ยงภัยอยู่ในสภาพเปราะบางต่อความยากจนอย่างต่อเนื่อง
นักวิทยาศาสตร์เตือนว่า พายุในภูมิภาคกำลังทวีความรุนแรงขึ้น อันเป็นผลจากภาวะโลกร้อนที่มีสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากกิจกรรมของมนุษย์
ด้านไต้หวันระบุว่า เกือบ 300 คนในทณฑลฮวาเหลียนทางตะวันออก จะถูกอพยพออกนอกพื้นที่ และจำนวนอาจเปลี่ยนแปลงได้ขึ้นอยู่กับเส้นทางพายุ โดยสำนักงานอุตุนิยมวิทยากลางของไต้หวันกล่าวว่า คาดว่าจะมีการออกประกาศเตือนภัยพายุบนบกคืนนี้ และพรุ่งนี้เช้า (22 ก.ย.) เวลา 06.00 น. พายุจะเคลื่อนใกล้ชายฝั่งของไต้หวัน
ขณะที่หอสังเกตการณ์ฮ่องกงระบุว่า ตั้งแต่วันที่ 23-24 กันยายน สภาพอากาศจะ “แย่ลงเรื่อย ๆ” โดยจะมีลมแรงในระดับพายุและคลื่นทะเลหนุนสูงจากพายุ ซึ่งคาดว่าจะรุนแรงใกล้เคียงกับที่เคยเกิดขึ้นเมื่อพายุไต้ฝุ่นมังคุดในปี 2018
