
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ โพสต์ข้อความบนบัญชี Truth Social เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม หนึ่งวันหลังจากที่เขาและประธานาธิบดี อี แจ-มยอง ของเกาหลีใต้ เห็นพ้องกันถึงความจำเป็นที่เกาหลีใต้ต้องจัดหาน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับเรือดำน้ำนิวเคลียร์ ระหว่างการประชุมสุดยอดที่จัดขึ้นควบคู่กับการประชุมผู้นำเอเปค (APEC)
ทรัมป์บอกว่า เขาอนุมัติให้เกาหลีใต้สร้างเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ แทนเรือดีเซลรุ่นเก่าที่เชื่องช้าและคล่องตัวน้อยกว่า พร้อมเสริมว่า การอนุมัติครั้งนี้มีพื้นฐานจากพันธมิตรทางทหารระหว่างสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ที่ “แข็งแกร่งกว่าที่เคยเป็นมา”
สรุปข่าว
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ โพสต์ข้อความบนบัญชี Truth Social เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม หนึ่งวันหลังจากที่เขาและประธานาธิบดี อี แจ-มยอง ของเกาหลีใต้ เห็นพ้องกันถึงความจำเป็นที่เกาหลีใต้ต้องจัดหาน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับเรือดำน้ำนิวเคลียร์ ระหว่างการประชุมสุดยอดที่จัดขึ้นควบคู่กับการประชุมผู้นำเอเปค (APEC)
ทรัมป์บอกว่า เขาอนุมัติให้เกาหลีใต้สร้างเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ แทนเรือดีเซลรุ่นเก่าที่เชื่องช้าและคล่องตัวน้อยกว่า พร้อมเสริมว่า การอนุมัติครั้งนี้มีพื้นฐานจากพันธมิตรทางทหารระหว่างสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ที่ “แข็งแกร่งกว่าที่เคยเป็นมา”
เรือดำน้ำนิวเคลียร์ของเกาหลีใต้จะถูกสร้างที่อู่ต่อเรือฟิลาเดลเฟียในรัฐเพนซิลเวเนีย ซึ่งขณะนี้เป็นของ Hanwha Group จากเกาหลีใต้ อู่ต่อเรือแห่งนี้จึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมต่อเรือระหว่างสองประเทศ โดยเกาหลีใต้ได้ให้คำมั่นว่าจะช่วยฟื้นฟูอุตสาหกรรมต่อเรือของสหรัฐฯ ภายใต้ข้อตกลงทางการค้าที่เพิ่งลงนามร่วมกัน ซึ่งทรัมป์บอกว่า อุตสาหกรรมต่อเรือของสหรัฐฯ กำลังจะกลับมาอย่างยิ่งใหญ่
ขณะเดียวกัน ภายใต้ข้อตกลงด้านพลังงานนิวเคลียร์ที่เกาหลีใต้ทำไว้กับสหรัฐฯ เกาหลีใต้สามารถเสริมสมรรถนะยูเรเนียมได้ไม่เกิน 20% โดยต้องได้รับอนุญาตจากสหรัฐฯ ซึ่งหมายความว่า การสร้างเรือดำน้ำนิวเคลียร์จำเป็นต้องได้รับ “ไฟเขียว” จากสหรัฐฯ ก่อน
ในระหว่างการหารือกับทรัมป์ ประธานาธิบดีอี แจ-มยองได้ชี้ว่า เรือดำน้ำดีเซลมีข้อจำกัดในการปฏิบัติการใต้น้ำ ทำให้กองทัพเกาหลีใต้ไม่สามารถติดตามเรือดำน้ำของเกาหลีเหนือหรือจีนได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงขออนุมัติจากสหรัฐฯ ให้จัดหาน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับเรือดำน้ำนิวเคลียร์
นอกจากนี้ ทรัมป์ยังระบุในโพสต์ว่า เกาหลีใต้ตกลงจะจ่ายเงิน 350,000 ล้านดอลลาร์ หรือมากกว่า 11.3 ล้านล้านบาท เพื่อแลกกับการลดภาษีนำเข้า และตกลงจะซื้อน้ำมันและก๊าซจากสหรัฐฯ ในปริมาณมหาศาล รวมถึงประกาศว่าการลงทุนจากบริษัทเกาหลีใต้ในสหรัฐฯ จะมีมูลค่ารวมกว่า 600,000 ล้านดอลลาร์ หรือมากกว่า 19.4 ล้านล้านบาท
แม้จะไม่ชัดเจนว่าทรัมป์คำนวนยอดรวมทั้งหมดได้อย่างไร แต่ตัวเลขดังกล่าวดูเหมือนจะรวมการลงทุนที่เกาหลีใต้ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ มูลค่า 350,000 ล้านดอลลาร์ เข้ากับคำมั่นการลงทุนเพิ่มเติมจากภาคเอกชนเกาหลีใต้
- ทรัมป์จับมือสีจิ้นผิง เริ่มประชุมครั้งประวัติศาสตร์ที่เกาหลีใต้
- เกาหลีใต้-สหรัฐฯ ตกลงลดภาษีซึ่งกันและกัน จากร้อยละ 25 เหลือ ร้อยละ 15
- ทรัมป์-สี จิ้นผิง จะพบกันวันนี้ที่เมืองปูซาน เกาหลีใต้
- APEC เกาหลีใต้ โชว์ทุก K-Culture ตอกย้ำเจ้าแห่ง Soft Power
- ทรัมป์มั่นใจตกลงกับสีจิ้นผิงได้ แต่เสียดาย อดเจอคิมจองอึน
ที่มาข้อมูล : The Korea Times
ที่มารูปภาพ : Reuters
