
คณะกรรมการมรดกแห่งชาติและสำนักงานที่ดินสิงคโปร์ระบุในแถลงการณ์ว่า บ้านชั้นเดียวหลังนี้บนถนนอ็อกซ์ลีย์ 38 ซึ่งสร้างขึ้นในปี 1898 ในย่านใจกลางสิงคโปร์ มีคุณค่าคู่ควรแก่การอนุรักษ์ เนื่องจากบ้านหลังนี้เป็นประจักษ์พยานถึงเหตุการณ์สำคัญในช่วงทศวรรษ 1950 ที่เป็นจุดเปลี่ยนผ่านของสิงคโปร์จากการเป็นอาณานิคมไปสู่การเป็นประเทศเอกราช
สรุปข่าว
คณะกรรมการมรดกแห่งชาติและสำนักงานที่ดินสิงคโปร์ระบุในแถลงการณ์ว่า บ้านชั้นเดียวหลังนี้บนถนนอ็อกซ์ลีย์ 38 ซึ่งสร้างขึ้นในปี 1898 ในย่านใจกลางสิงคโปร์ มีคุณค่าคู่ควรแก่การอนุรักษ์ เนื่องจากบ้านหลังนี้เป็นประจักษ์พยานถึงเหตุการณ์สำคัญในช่วงทศวรรษ 1950 ที่เป็นจุดเปลี่ยนผ่านของสิงคโปร์จากการเป็นอาณานิคมไปสู่การเป็นประเทศเอกราช
ลี กวน ยู ซึ่งถึงแก่อสัญกรรมในปี 2015 เคยแสดงความจำนงต่อสาธารณะว่าต้องการให้บ้านหลังนี้ถูกรื้อถอน เขาได้ระบุคำขอนี้ไว้ในพินัยกรรม และเสริมว่าหากไม่สามารถรื้อถอนได้ ก็ต้องการให้ปิดไม่ให้บุคคลภายนอกเข้า ยกเว้นสมาชิกในครอบครัวและผู้สืบสกุล
ประเด็นเกี่ยวกับอนาคตของบ้านหลังนี้ได้กลายเป็นปัญหาสำคัญที่นำไปสู่ความขัดแย้งในที่สาธารณะระหว่างบุตรทั้งสามของนายลีหลังการอสัญกรรมของบิดา
ลี เซียน ลุง บุตรชายคนโต ซึ่งก้าวลงจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 3 ของประเทศเมื่อปีที่แล้ว มีความเห็นว่า ควรเป็นอำนาจหน้าที่ของรัฐบาลในการตัดสินใจเกี่ยวกับทรัพย์สินนี้ รวมถึงความเป็นไปได้ในการอนุรักษ์ไว้เป็นสถานที่สำคัญทางมรดก
ส่วน ลี เหว่ย หลิง น้องสาวของนายลี เซียน ลุง และลี เซียน หยาง น้องชายกล่าวว่า บ้านหลังนี้ควรถูกรื้อถอนตามความประสงค์ของบิดา
ในรายงานปี 2018 คณะกรรมการระดับรัฐมนตรีเคยกล่าวว่า ยังไม่จำเป็นต้องมีการตัดสินใจในทันทีเกี่ยวกับบ้านหลังนี้ เนื่องจาก ลี เหว่ย หลิง ยังคงอาศัยอยู่ที่นั่น ต่อมาหลังจากน้องสาวของเขาถึงแก่กรรมเมื่อปีที่แล้ว ลี เซียน หยาง ได้ยื่นคำร้องขออนุญาตรื้อถอนบ้านหลังดังกล่าว
แถลงการณ์ร่วมจากคณะกรรมการมรดกแห่งชาติและองค์การที่ดินแห่งสิงคโปร์ยังเสริมว่า การอนุรักษ์สถานที่นี้ไม่ได้หมายความว่ารัฐบาลต้องอนุรักษ์อาคารหรือสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดให้อยู่ในสถานะปัจจุบัน แต่หน่วยงานทางการจะทำการศึกษาอย่างละเอียดเพื่อกำหนดแนวทางดำเนินการต่อไปหากได้รับสิทธิเข้าถึง โดยยังคงเคารพความต้องการของลี กวน ยู พร้อมลบร่องรอยการเป็นพื้นที่อยู่อาศัยส่วนตัวของลีและครอบครัวออกทั้งหมด
- สิงคโปร์ยึดทรัพย์คดีฟองเงินโยง Prince group ในกัมพูชา มูลค่าหลายร้อยล้าน
- สิงคโปร์เตรียมลงโทษแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ด้วยการ "เฆี่ยน"
- ไขวิธีสิงคโปร์ ใช้ AI ตรวจจับหลุมบ่อ-หลุมยุบบนถนนได้อย่างไร?
- สิงคโปร์สั่ง "เมตา" ต้องใช้เทคโนโลยีจดจำใบหน้าในเฟซบุ๊ก แก้ปัญหามิจฉาชีพ
- นายกฯ "สิงคโปร์" เดินหน้าลดความเหลื่อมล้ำ ลงทุนเพิ่มการศึกษาปฐมวัย อุดช่องว่าง
