สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ผ่านร่างกฎหมายเยียวยาโควิดชาวอเมริกัน แจกเงินคนละ 4.3 หมื่นบาท

สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ผ่านร่างกฎหมายเยียวยาโควิดชาวอเมริกัน แจกเงินคนละ 4.3 หมื่นบาท

สรุปข่าว

วันนี้ (11 มี.ค.64) นับว่าเป็นชัยชนะครั้งสำคัญครั้งแรกของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ท่ามกลางวิกฤตโควิด-19 ที่คร่าชีวิตชาวอเมริกันไปแล้วเกือบ 5.3 ล้านคน

สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ไฟเขียว ผ่านร่างกฎหมายเยียวยาผลกระทบโควิด-19 มูลค่า 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ ด้วยมติเห็นชอบ 220 ต่อ 211 เสียง โดยไม่ได้รับเสียงสนับสนุนจากพรรครีพับลิกันเลยแม้แต่คนเดียว  

พรรครีพับลิกันมองว่า มาตรการเยียวยานี้ใช้งบประมาณที่สูงเกินไป เพราะก่อนหน้านี้ก็เพิ่งมีการอนุมัติ 9 แสนล้านดอลลาร์ และตอนนี้ประเทศได้ผ่านพ้นช่วงวิกฤตที่หนักที่สุดในรอบ 100 ปีไปแล้ว  และกำลังมุ่งสู่การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ

ขณะที่ ส.ส.เดโมแครตก็มีแตกแถวอยู่หนึ่งคน คือ จาเรด โกลเดน ส.ส.จากรัฐเมน ที่ไม่เห็นด้วยกับร่างกฎหมายดังกล่าว โดยให้เหตุผลว่า งบประมาณค่อนข้างสูง เป็นอันตรายต่อการฟื้นตัวทางเศรฐกิจ

แต่พรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมากในสภาล่าง 221 ต่อ 211 เสียง จึงสามารถผ่านร่างกฎหมายนี้ได้ในที่สุด

การผ่านร่างกฎหมายเยียวยาโควิด-19 ในสภาล่างมีขึ้น หลังจากทั้งสภาอภิปรายและต่อรองกันมาหลายสัปดาห์ 

แนนซี เปโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐฯ ระบุว่า แผนการช่วยเหลือชาวอเมริกัน เป็นพลังเพื่อความเป็นธรรมและยุติธรรมในสหรัฐฯ 

ขั้นตอนต่อไป คือ ประธานาธิบดีไบเดน จะลงนามบังคับใช้เป็นกฎหมาย ก่อนวันที่ 14 มีนาคม ซึ่งเป็นวันที่มาตรการช่วยเหลือผู้ว่างงานในปัจจุบันจะสิ้นสุดลง คาดว่าน่าจะลงนามในวันที่ 12 มีนาคมนี้

ไบเดน แจกเงินชาวอเมริกันเยียวยาโควิด-19 คนละ 4.3 หมื่นบาท

เงินมหาศาลแบ่งไปใช้ด้านใดบ้าง

งบประมาณมหาศาลนี้ จะแบ่งเป็นเงิน 400,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อช่วยเหลือโดยตรงแก่ชาวอเมริกัน ส่วนใหญ่ คนละ 1,400 ดอลลาร์ หรือประมาณ 43,000 บาท  

ผู้ที่มีสิทธิ์รับเงินเยียวยานี้ ต้องเป็นบุคคลที่มีรายได้ต่ำกว่า 80,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 2.4 ล้านบาทต่อปี

-    355,000 ล้านดอลลาร์ เป็นงบช่วยเหลือรัฐบาลท้องถิ่นของรัฐต่างๆ  

-    ขยายเวลาให้เงินช่วยเหลือผู้ตกงานอีกสัปดาห์ละ 300 ดอลลาร์ หรือ 10,000 บาท ไปถึงเดือนกันยายน  130,000 ล้านดอลลาร์ สำหรับเปิดการเรียนการสอนในโรงเรียนอีกครั้ง

-    49,000 ล้านดอลลาร์สำหรับการทดสอบและวิจัย Covid-19

-    14,000 ล้านดอลลาร์ สนับสนุนโครงการแจกจ่ายวัคซีนป้องกันโควิด-19

นอกจากนี้ยังจะลดภาษีสำหรับครอบครัวที่มีบุตร และช่วยเหลือภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิดด้วย

ไบเดน แจกเงินชาวอเมริกันเยียวยาโควิด-19 คนละ 4.3 หมื่นบาท

ชาวอเมริกันถูกใจร่างกฎหมายนี้

ร่างกฎหมายนี้ ถูกใจชาวอเมริกันไม่น้อย ผลสำรวจความคิดเห็นทั่วประเทศที่จัดทำโดยรอยเตอร์สและอิปซอส ระหว่างวันที่ 8-9 มีนาคมที่ผ่านมา พบว่า ชาวอเมริกัน 70% สนับสนุนมาตรการนี้ ในจำนวนนี้มีทั้งชาวเดโมแครตและรีพับลิกัน โดยมีชาวริพับลิกัน 5 จาก 10 คน สนับสนุนร่างกฎหมายนี้ และชาวเดโมแครตสนับสนุน 9 ใน 10 คน

ขณะที่ ผลสำรวจ Pew Research Center ระบุว่า ชาวอเมริกัน 70% สนับสนุนร่างกฎหมายนี้ และในจำนวนนี้เป็นชาวรีพับลิกัน 41% 

แอนโทนี เซอร์เชอร์ นักวิเคราะห์จากบีบีซี ระบุว่า นี่ชัยชนะครั้งสำคัญครั้งแรกของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ในการบริหารประเทศ  หากคณะทำงานของเขา

สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ผ่านร่างกฎหมายเยียวยาโควิดชาวอเมริกัน แจกเงินคนละ 4.3 หมื่นบาท

สถานการณ์โควิด-19 ในสหรัฐฯ

-    ชาวอเมริกันมากกว่า 32 ล้านคนได้รับวัคซีนครบถ้วนแล้ว ไม่ว่าจะเป็นวัคซีนที่ต้องฉีด 2 โดส ของไฟเซอร์ โมเดอร์นา หรือวัคซีนที่ฉีดเพียงโดสเดียวอย่างจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน

-    รัฐอะแลสกา เป็นรัฐแรกของสหรัฐฯ ที่เริ่มฉีดวัคซีนให้ประชาชนทั่วไปที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป

-    เท็กซัสยกเลิกคำสั่งบังคับใส่หน้ากากอนามัย จำกัดการทำธุรกิจทั่วทั้งรัฐ กลายเป็นรัฐที่สองของประเทศที่ยกเลิกมาตรการดังกล่าว ต่อจากรัฐมิสซิสซิปปี้

-    ประธานาธิบดีไบเดน ประกาศสั่งซื้อวัคซีนต้านโควิดของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน เพิ่มอีก 100 ล้านโดส จากก่อนหน้านี้ที่สั่งซื้อไปแล้ว 100 ล้านโดส  เมื่อรวมคำสั่งซื้อวัคซีนจากไฟเซอร์ กับโมเดอร์นาก่อนหน้านี้บริษัทละ 300 ล้านโดส จะทำให้สหรัฐฯ มีวัคซีนตุนไว้ทั้งหมด 800 ล้านโดส สำหรับประชากร 300 ล้านคน

ไบเดน แจกเงินชาวอเมริกันเยียวยาโควิด-19 คนละ 4.3 หมื่นบาท

นอกจากนี้ ผู้นำสหรัฐฯ ยังประกาศชัดเจนว่า จะแบ่งวัคซีนให้กับประเทศอี่นๆ ด้วย แต่ต้องหลังจากฉีดให้ชาวอเมริกันครบทุกคนก่อน  

นายไบเดน เปิดเผยว่า สหรัฐฯ ได้ตกลงสนับสนุนเงินทุน 4,000 ล้านดอลลาร์ ให้แก่โครงการแจกจ่ายวัคซีน COVAX ขององค์การอนามัยโลก หรือ WHO ไปแล้ว ที่มีจุดประสงค์เพื่อแจกจ่ายวัคซีนต้านโควิดอย่างเท่าเทียมไปให้ถึงประเทศกำลังพัฒนา

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทาง Johnson & Johnson กำลังมีปัญหาในการผลิตวัคซีนช้า และส่งมอบวัคซีนให้แก่สหรัฐฯ ไปได้เพียง 4 ล้านโดสเท่านั้น จากจำนวน 20 ล้านโดส ที่ทางบริษัทต้องส่งมอบให้แก่สหรัฐฯ ภายในเดือนมีนาคมนี้ จึงต้องจับมือกับคู่แข่งอย่างบริษัท Merck ซึ่งปกติแล้วเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยาก และอีกบริษัทหนึ่งคือ Emergent BioSolutions เพื่อเร่งผลิตวัคซีนของ Johnson & Johnson ให้ครบ 100 ล้านโดส ตามที่รัฐบาลสหรัฐฯ ได้สั่งซื้อไว้ และให้ทันกำหนดส่งมอบ ภายในเดือนมิถุนายนนี้




ที่มาข้อมูล : -

ที่มารูปภาพ :

avatar

TNNThailand