
สรุปข่าว
คณะที่ปรึกษายุทธศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิคุ้มกันขององค์การอนามัยโลก (SAGE) แถลงว่า การฉีดวัคซีนเข็มพิเศษ จะเป็นการช่วยผู้ที่มีปัญหาสุขภาพดังกล่าว เพราะในกลุ่มประชากรที่ไม่ค่อยปฏิบัติตามนโยบายฉีดวัคซีนนั้น ผู้คนมีความเสี่ยงที่จะป่วยจากการติดเชื้อโคโรนาไวรัสอย่างรุนแรงสูงกว่าประชากรกลุ่มอื่น ๆ
เคท โอไบรอัน ผู้อำนวยการฝ่ายภูมิคุ้มกัน วัคซีนและชีววิทยาขององค์การอนามัยโลก บอกว่า เวลานี้วัคซีนเข็มกระตุ้นควรถูกพิจารณาในฐานะแนวทางสร้างภูมิคุ้มกันไวรัสโคโรนาโดยปกติสำหรับคนที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ซึ่งต้องฉีดหลังเข็ม 2 ราว 1 ถึง 3 เดือน
คณะกรรมการชุดนี้ยังแนะนำวัคซีนบูสเตอร์ให้กับผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปที่ได้รับวัคซีนที่ผลิตโดย Sinovac และ Sinopharm ของจีน พร้อมอ้างหลักฐานการศึกษาจากกลุ่มประเทศละตินอเมริกาว่า วัคซีนดังกล่าวมีปัญหาประสิทธิผลลดลงเรื่อย ๆ เมื่อเวลาผ่านไป โดยสามารถพิจารณาให้วัคซีนต่างยี่ห้อ บนพื้นฐานดุลพินิจเกี่ยวกับเสบียงวัคซีนและการเข้าถึง
◾◾◾
🔴 ยังไม่แนะนำฉีดวัคซีนให้คนทั่วไป
พร้อมกันนี้ SAGE ยังเน้นย้ำว่า ยังไม่แนะนำให้ฉีดเข็มกระตุ้นสำหรับประชาชนทั่วไป แม้ว่าบางประเทศจะเริ่มดำเนินการไปแล้วก็ตาม โดยจะทำการทบทวนประเด็นการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นภูมิเป็นวงกว้างอีกครั้งในวันที่ 11 พฤศจิกายน
ทางองค์การอนามัยโลกต้องการให้ระงับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นให้แก่ประชาชนทั่วไปไปจนถึงสิ้นปี เพื่อเร่งเดินหน้าฉีดวัคซีนเข็มแรกให้ประชาชนในประเทศอื่น ๆ อีกหลายสิบประเทศที่ยังขาดแคลนวัคซีนเสียก่อน
สำหรับปัจจุบัน WHO ให้การรับรองวัคซีนป้องกันโควิด-19 แล้วหลายยี่ห้อ รวมถึง Pfizer-BioNTech, Janssen (Johnson&Johnson), Moderna, Sinopharm, Sinovac, AstraZeneca
และขณะนี้ WHO กำลังทำการทบทวนข้อมูลของวัคซีน Covaxin ของบริษัทภารัต ไบโอเทค ของอินเดีย เพื่อเตรียมรับรองต่อไป
◾◾◾
🔴 WHO ตั้งเป้าฉีด 40% ของประชากรโลก
ที่ผ่านมา WHO พยายามเรียกร้องให้แต่ละประเทศยับยั้งการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นเอาไว้ก่อน เพื่อหวังให้ทุกประเทศสามารถฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้ได้ 40% ของประชากร
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว WHO ประกาศว่า ตั้งเป้าจะฉีดวัคซีนให้ได้ 40% ของประชากรทุกประเทศภายในสิ้นปี 2021 และจะฉีดให้ได้ 70% ภายในช่วงกลางปี 2022
แต่ก็ยังพบว่าหลายประเทศรายได้ต่ำยังคงมีสัดส่วนการฉีดวัคซีนค่อนข้างน้อย โดยเฉพาะประเทศในแถบแอฟริกา
◾◾◾
🔴 สหรัฐฯ ฉีดเข็มสามไปแล้วเกือบ 8 ล้านคน
ขณะที่สหรัฐฯ ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศที่เดินหน้าฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นให้ประชาชน หลังศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค หรือ CDC อนุมัติ 3 กลุ่ม คือ กลุ่มด่านหน้า ผู้สูงวัย และผู้มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง
ล่าสุด มีรายงานว่า สหรัฐฯ ได้ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นไปแล้ว 7.79 ล้านคน นับตั้งแต่ 13 สิงหาคม ซึ่ง CDC อนุมัติการฉีดวัคซีน ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนของ Pfizer ที่ได้รับการอนุมัติเพียงยี่ห้อเดียว
ขณะที่เพิ่งมีรายงานว่า วัคซีนของ Moderna และ Johnson&Johnson ได้ยื่นเรื่องขออนุมัติฉุกเฉินเพื่อใช้ฉีดเป็นเข็มกระตุ้นแล้ว โดยทางองค์การอาหารและยา หรือ FDA เตรียมพิจารณาในวันพฤหัสบดีนี้ เพื่อพิจารณาทบทวนความปลอดภัยและประสิทธิภาพของวัคซีนทั้ง 2 ยี่ห้อนี้ ก่อนจะส่งมติไปให้คณะกรรมการที่ปรึกษาวัคซีนของ CDC ตัดสินใจอีกทีหนึ่ง
—————
เรื่อง: ภัทร จินตนะกุล
ภาพ: Reuters
- โควิด NB.1.8.1 เป็นสายพันธุ์หลักในไทยแล้ว มีแนวโน้มมากขึ้น
- สถานการณ์โควิดป่วยสะสมพุ่ง 2.5 แสนราย สายพันธุ์ NB.1.8.1 ระบาดแรง
- “หมอยง” เปิดข้อมูลโควิดสายพันธุ์ล่าสุดที่พบในกทม. ติดต่อง่าย แพร่กระจายเร็ว
- โควิดระบาด! รมว.สธ. เผยส่วนใหญ่เป็นสายพันธุ์ XEC ติดง่าย แต่หายไว
- เปิดเทอม! กรมการแพทย์แนะเฝ้าระวังห่วงเด็กเสี่ยงได้รับเชื้อโควิดเพิ่มขึ้น
- เตือน! เดือนพ.ค. สถานการณ์โควิดจะระบาดสูงสุด ก่อนตามด้วยโรคไข้หวัดใหญ่
- หน้ากากอนามัยไม่ขาดแคลน! เตือนคนขายฉวยโอกาสขึ้นราคา โทษหนัก
ที่มาข้อมูล : -
TNNThailand