
สรุปข่าว
สำนักข่าว RT ของรัสเซียรายงานว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย เผยว่า การเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียกับยูเครน ได้มาถึงทางตันแล้ว เนื่องจากยูเครนไม่ทำตามที่ตกลงกันไว้ในการเจรจาแบบพบหน้าระหว่างคณะผู้แทนของทั้งสองฝ่ายที่นครอิสตันบูล ของตุรกีเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
ผู้นำรัสเซียระบุว่า ยูเครนปฏิเสธที่จะยอมรับว่า คาบสมุทรไครเมียเป็นของรัสเซีย และไม่ยอมรับอธิปไตยของสาธารณรัฐลูฮันสก์และโดเนสตก์ ในภูมิภาคของดอนบาสทางตะวันออกของยูเครน
ท่าทีของปูตินมีขึ้นที่ วอสโตชินี คอสโมโดรม ในภูมิภาคตะวันออกไกลของรัสเซียเมื่อวานนี้ (12 เมษายน) เขาเน้นย้ำว่าสองประเด็นนี้เป็นหัวข้อสำคัญที่ทำให้การเจรจาไม่คืบหน้า
---ผู้นำรัสเซียเยือนเบลารุส---
เขาเดินทางไปที่นั่นพร้อมกับผู้นำเบลารุส เนื่องในวันนักบินอวกาศประจำปีของรัสเซีย เพื่อรำลึกถึงการบินอวกาศครั้งแรกของมนุษย์เมื่อวันที่ 12 เมษายนปี 1961 โดยนักบินอวกาศโซเวียต ชื่อ ยูริ กาการิน
ในโอกาสนี้ประธานาธิบดีปูติน ได้ขอบคุณ ประธานาธิบดีอเล็กซานเดอร์ ลูกาเชนโก ของเบลารุสสำหรับบทบาทของเขา ที่ทำให้การเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครนเป็นไปได้ตั้งแต่แรก
ทั้งนี้ก่อนการเจรจาในอิสตันบูล ของตุรกี ผู้แทนของรัสเซียและยูเครนได้จัดการประชุมแบบเห็นหน้ากันสามครั้งในเบลารุส, การเจรจาเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ในภูมิภาคโกเมล จากนั้นก็ดำเนินต่อในเดือนมีนาคม และตามมาด้วยการหารือทางออนไลน์อีกหลายครั้ง ก่อนจะนำมาสู่การเจรจาแบบพบหน้ากันที่นครอิสตันบูลของตุรกี นับว่าเป็นการเจรจาที่มีความคืบหน้ามากที่สุด
---ย้อนผลการเจรจารอบล่าสุด---
การเจรจารอบล่าสุดระหว่างรัสเซียและยูเครน มีขึ้นจัดขึ้นเมื่อสองสัปดาห์ก่อนในอิสตันบูล ประเทศตุรกี ฝ่ายรัสเซียระบุว่าคณะผู้แทนยูเครนได้ร่างข้อเสนอเกี่ยวกับวิธีการแก้ไขข้อขัดแย้งให้แก่รัสเซียเป็นลายลักษณ์อักษรฉบับแรก
ในขณะที่หัวหน้าทีมเจรจาของรัสเซีย วลาดิมีร์ เมดินสกี แสดงท่าทีในแง่บวกอย่างระมัดระวังหลังจากการเจรจาในอิสตันบูล โดยกล่าวว่ายูเครนได้ส่งสัญญาณว่าพร้อมที่จะประกาศตนเป็นรัฐที่เป็นกลาง แต่ก็ยังมีสิ่งกีดขวางที่สำคัญอยู่บ้าง
รัสเซียเรียกร้องให้ยูเครนรับรองไครเมียอย่างเป็นทางการว่า เป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียและรับรองว่าสาธารณรัฐลูฮันสก์และโดเนสก์ในภูมิภาคดอนบาสเป็นรัฐอิสระ
คาบสมุทรไครเมียได้ลงประชามติออกจากยูเครนและเข้าร่วมกับรัสเซียในปี 2014 และระหว่างการเจรจาในนครอิสตันบูล คณะผู้แทนยูเครนให้สัญญาว่ายูเครนจะไม่พยายามทวงคืนสาธารณรัฐในภูมิภาคดอนบาส กลับคืนมาโดยใช้กำลัง และเสนอแนะให้มีการเจรจาแยกกันเกี่ยวกับสถานะของแหลมไครเมียภายในเวลา 15 ปี
ผู้เจรจาของยูเครนเสนอในอิสตันบูลว่า ยูเครนกลายจะเป็นประเทศที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดเพื่อแลกกับการรับประกันความปลอดภัยที่มีผลผูกพันทางกฎหมาย
ขณะที่รัสเซียย้ำหลายครั้งว่าการที่ยูเครนต้องการเข้าร่วมนาโต เป็นหนึ่งในสาเหตุของปฏิบัติการทางทหารที่เริ่มขึ้นในยูเครนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว (7 เมษายน) เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียกล่าวว่ายูเครนได้ส่งข้อเสนอใหม่เป็นลายลักษณ์อักษรซึ่งเบี่ยงเบนไปจากสิ่งที่เสนอระหว่างการเจรจาแบบตัวต่อตัวที่นครอิสตันบูล โดยไม่ได้กล่าวถึงการค้ำประกันการรักษาความปลอดภัยที่ยูเครนต้องการได้รับจากมหาอำนาจชั้นนำของโลก และไม่ครอบคลุมถึงประเด็นเกี่ยวกับคาบสมุทรไครเมีย
---รัสเซียจะบรรลุเป้าหมายให้ได้---
ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน บอกกับสื่อเยอรมันเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว (8 เมษายน) ยูเครนยังคงมองว่าการเจรจากับรัสเซียเป็นหนทางเดียวที่จะหลุดพ้นจากวิกฤตในปัจจุบันได้
ด้าน มิคไฮโล โพโดแยค คณะเจรจาฝ่ายยูเครนและเป็นที่ปรึกษาของประธานาธิบดียูเครน ออกแถลงการณ์ว่า การเจรจายากลำบากมาก แต่ก็ยังดำเนินอยู่
ขณะที่สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานเมื่อวานนี้ (12 เม.ย.) ว่า ประธานาธิบดีปูติน ระบุว่า ปฏิบัติการทางทหารของมอสโกในยูเครนจะบรรลุในสิ่งที่เขากล่าวว่าเป็นเป้าหมายที่ "สูงส่ง" และเป็นเกียรติอย่างไม่ต้องสงสัย
สำนักข่าวรัสเซียรายงานอ้างคำกล่าวของปูตินว่ารัสเซียไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องเริ่มปฏิบัติการทางทหารเพื่อปกป้องรัสเซียและการปะทะกับกองกำลังต่อต้านรัสเซียของยูเครน เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง
ปูติน กล่าวด้วยว่าเป้าหมายหลักของปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียในยูเครน คือการช่วยชีวิตผู้คนในภูมิภาคดอนบาส ทางตะวันออกของยูเครน พื้นที่ซึ่งกลุ่มแบ่งแยกดินแดนฝักใฝ่รัสเซียได้ต่อสู้กับกองกำลังยูเครนมาตั้งแต่ปี 2014
---ระเบียบโลกแบบขั้วเดียวต้องหมดไป--
สำนักข่าว Interfax รายงานว่า รัสเซียจะยังคงปฏิบัติการต่อไปอย่างเป็นขั้นเป็นตอนและมั่นคง โดยมีเป้าหมายสุดท้ายทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญที่สุดคือ ระเบียบโลกแบบขั้วเดียวที่สหรัฐฯ เป็นผู้สร้างขึ้นมาหลังสงครามเย็นจะต้องล่มสลาย
นับเป็นการออกมากล่าวต่อสาธารณะเป็นครั้งแรกของประธานาธิบดีรัสเซีย ตั้งแต่ทหารรัสเซียถอนตัวออกไปจากกรุงเคียฟ เมืองหลวงยูเครน และจากภาคเหนือของยูเครน และนับเป็นสัญญาณล่าสุดและหนักแน่นที่สุดจากผู้นำรัสเซีย ที่ชี้ว่า สงครามจะดำเนินต่อไป
ก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีเซเลนสกีได้เรียกร้องให้มีการพบปะหารือ กับประธานาธิบดีปูตินหลายครั้ง แต่ทางคณะผู้แทนรัสเซียระบุว่า ต้องรอให้ข้อตกลงต่างๆ ตกผลึกเสียก่อน จึงจะให้สองผู้นำพบกันเป็นขั้นตอนสุดท้าย
—————
ติดตามสถานการณ์ยูเครน-รัสเซียอย่างใกล้ชิด
https://bit.ly/TNNRussiaInvasion
—————
แปล-เรียบเรียง: สุภาพร เอ็ลเดรจ
ภาพ: TANG CHHIN Sothy / AFP
ที่มาข้อมูล : -

TNNThailand