สรุปข่าว
ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติจีน ที่เข้ามาลงทุนในไทยรายแรก คือ เอสเอไอซี มอเตอร์ ที่เข้ามาร่วมทุน ตั้งบริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เมื่อ 11 ปีที่แล้ว มีเป้าหมายให้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์เพื่อจำหน่ายในประเทศไทย และส่งออกไปยังประเทศในภูมิภาคอาเซียน ปีที่ผ่านมายังขยายการลงทุนเพิ่มเติม ตั้งโรงงานประกอบแบตเตอรี่ ที่นำมาใช้ในการประกอบรถ NEW MG4 ELECTRIC ที่ผลิตในไทยรวมแล้ว มีมูลค่าการลงทุนถึง 30,000 ล้านบาท มีกำลังการผลิตรถยนต์ 100,000 คันต่อปี และ กำลังการผลิตแบตเตอรี่ Cell-To-Pack อยู่ที่ 50,000 แพ็คต่อปี
ถัดมาคือ เกรท วอลล์ มอเตอร์ (GWM)ถือเป็นอีกแบรนด์ยานยนต์พลังงานใหม่จากประเทศจีน ที่เข้ามาบุกเบิกในไทยเช่นกัน โดยประกาศแผนการลงทุนระยะ 5 ปี คือ ระหว่างปี 2021-2025 จะลงทุนในประเทศไทยเป็นมูลค่ารวม 22,600 ล้านบาท ซึ่งเป็นการลงทุนสำหรับแผนการปรับปรุงโรงงาน และการขึ้นสายการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า มีกำลังการผลิต 80,000 คันต่อปี มีการลงทุนในเฟสแรกไปแล้ว 12,000 ล้านบาท เมื่อเดือนมกราคม 2567 ที่ผ่านมา เกรท วอลล์ มอเตอร์ เปิดสายการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในไทยรุ่นแรก คือ New GWM ORA Good Cat
รายต่อมา ที่เข้ามาเปิดตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในไทย และเข้าร่วมมาตรการส่งเสริม อีวี 3.0 เช่นเดียวกับทุกแบรนด์ ก็คือ เนต้า (NETA)โดยโรงงานประกอบรถยนต์ไฟฟ้าของ เนต้า ในไทยเป็นความร่วมมือระหว่าง เนต้า และ บริษัท บางชันเยนเนอเรลเอเซมบลี จำกัด ซึ่ง เนต้า ระบุว่า การเข้ามาลงทุนในไทย ถือเป็นจุดเริ่มต้นของแผนระดับสากล ในการลงทุนสร้างฐานการประกอบรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อรองรับการเติบโตของตลาดในอาเซียน มีการประเมินวงเงินลงทุน ซึ่งรวมทั้งเม็ดเงินลงทุนและวงเงินหลักประกัน อยู่ที่ประมาณ 3,500 ล้านบาท มีกำลังการผลิต 20,000 คันต่อปี และเนต้า ได้เปิดสายการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าไปแล้วเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ด้วยรุ่นแรกที่ผลิตในไทยคือ เนต้า วีทู (NETA V-II)
มาที่ ล่าสุดเพิ่งเปิดสายการผลิตไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว คือ บีวายดี ประกาศแผนการลงทุนในไทยมูลค่ารวม 35,000 ล้านบาท และเริ่มก่อสร้างโรงงานแห่งแรกในไทย ด้วยเม็ดเงินลงทุนจำนวน 17,900 ล้านบาท มีกำลังการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและ ปลั๊ก อิน ไฮบริด รวม 150,000 คันต่อปี โรงงานแห่งนี้ จะเป็นฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าพวงมาลัยขวาเพื่อรองรับตลาดในประเทศ และส่งออกในอาเซียน เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม ที่ผ่านมาได้เปิดสายการผลิตรถยนต์รุ่นแรกอย่างเป็นทางการ คือ บีวายดี ดอลฟิน (BYD Dolphin) และจะมีการผลิตรุ่นอื่น ๆ ตามมา และในวันดังกล่าว ยังเป็นการฉลองการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า คันที่ 8 ล้านของบีวายดี ซึ่งเกิดขึ้นในประเทศไทย
ถัดไป วันที่ 17 กรกฎาคมนี้ จีเอซี ไอออน (GAC AION) จะเปิดสายการผลิตรถยนต์ในประเทศไทยเช่นกัน ซึ่งประกาศแผนการลงทุนในไทย เป็นมูลค่า 6,400 ล้านบาท และตั้งเป้าผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในไทย 100,000 คันต่อปี เฟสแรก เป็นการลงทุนมูลค่า 2,300 ล้านบาท มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 50,000 คัน และมีเป้าหมายให้ไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสำหรับการส่งออกไปยังตลาดในภูมิภาคอาเซียน
ส่วน ฉางอาน ออโตโมมิล (Changan Automobile) มีแผนลงทุนในไทยแบ่งออกเป็น 2 ระยะ ระยะแรกเริ่มลงทุนแล้ว จำนวน 8,800 ล้านบาท ตั้งเป้าผลิตรถยนต์ 100,000 คันต่อปี ซึ่งจะเริ่มต้นการผลิตได้ในต้นปีหน้า (ปี 2568) ส่วนระยะที่สอง จะดำเนินการในอนาคต โดยเพิ่มลงทุนสูงถึง 20,000 ล้านบาท และมีเป้าหมายการผลิตสูงสุด 200,000 คัน เพื่อให้ครอบคลุมการส่งออกรถยนต์ไฟฟ้า ทั้งตลาดอาเซียน และตลาดรถยนต์พวงมาลัยขวาทั่วโลก
ปิดท้ายที่ เชอรี่ ออโตโมบิล (Chery Automobile) ที่ใช้แบรนด์ โอโมดา แอนด์ เจคู ในการบุกเบิกตลาดต่างประเทศ รวมถึงในไทย เชอรี่ มีแผนจะลงทุนในไทยเป็นมูลค่า 6,500 ล้านบาท จะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าทั้ง BEV, HEV และ PHEV ด้วยกำลังการผลิต 50,000 คันต่อปี
ความคืบหน้าการลงทุนเหล่านี้ บ่งชี้ให้เห็นว่า ประเทศไทยได้เข้าใกล้เป้าหมายการเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนที่สำคัญของอาเซียนและของโลก ที่เป็นไปตามนโยบาย 30@30 คือการผลิตรถยนต์ที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ให้ได้อย่างน้อยร้อยละ 30 ของการผลิตยานยนต์ทั้งหมดภายในปี 2030 หรือปี พ.ศ. 2573
ที่มาข้อมูล : -

TNNThailand