"Temu" อีคอมเมิร์ซจีน ขายถูกจนน่าตกใจ l การตลาดเงินล้าน

โมเมนตัม เวิร์คส์ รายงานว่า ปี 2566 ที่ผ่านมา ตลาดอีคอมเมิร์ซไทย มีมูลค่าอยู่ที่ 19,000 ล้านดอลลารห์สหรัฐฯ หรือ ราว ๆ 600,000 ถึง 700,000 ล้านบาท มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ในอาเซียน รองจากอินโดนีเซีย และ มีอัตราการเติบโตต่อปี ที่ร้อยละ 34.1 ซึ่งเป็นอันดับ 2 รองจากเวียดนาม

ทั้งยังถูกครอบครอง โดยแพลตฟอร์มจากต่างชาติ ได้แก่ Shopee มีส่วนแบ่งการตลาด อยู่ที่ ร้อยละ 49 อันดับสองคือ Lazada ส่วนแบ่งตลาด ร้อยละ 30 และ TikTok Shop มีส่วนแบ่งตลาด ร้อยละ 21 

ล่าสุด Temu อีคอมเมิร์ซขายของออนไลน์รายใหญ่จากจีน เปิดตัวรุกทำตลาดในประเทศไทยอย่างเป็นทางการแล้ว โดยแจกส่วนลดกว่าร้อยละ 90 ในช่วงเปิดตัว อัดโปรโมชันส่งฟรีทุกออเดอร์ สินค้าส่งตรงจากโรงงานในจีนภายใน 4 – 9 วัน รวมถึงมีนโยบายคืนสินค้าในทุก ๆ ออเดอร์ฟรีภายใน 90 วัน หรือจะสามารถเลือกรับเป็นการคืนเงินส่วนหนึ่ง โดยไม่ต้องส่งสินค้ากลับคืนก็ได้

ปัจจุบัน ผู้ผลิตเอสเอ็มอีไทย ถูกแรงกดดันอย่างหนักจากสินค้าจีนราคาถูก ที่เข้ามาทางแพลตฟอร์มออนไลน์ ทำให้แข่งขันได้ยากอยู่แล้ว

คุณ ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ ผู้เชี่ยวชาญด้านอีคอมเมิร์ซ มองว่า การเข้ามาของ Temu นับเป็นภัยคุกคามระลอกใหม่ต่อผู้ประกอบการไทย

สำหรับแพลตฟอร์ม Temu เปิดตัวครั้งแแรกเมื่อปี 2565 ที่ บอสตัน แมสซาชูเซตส์ ในสหรัฐอเมริกา โดยบริษัทจากจีน คือ พีดีดี โฮลดิ้ง หรือที่รู้จักกันในชื่อ พินตัวตัว (Pinduoduo) และใช้เวลาไม่ถึง 2 ปี ก็เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว จนสามารถต่อกรกับยักษ์ใหญ่ทั้ง Amazon และ Alibaba ได้

พีดีดี โฮลดิ้ง ที่เป็นบริษัทแม่ ยังเป็นผู้ลงโฆษณาอันดับต้น ๆ ของแพลตฟอร์ม เมตา และยังใช้จ่ายงบเกือบ 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในโฆษณาบนกูเกิล รวมทั้งยังใช้เงินอีก 21 ล้านดอลลาร์ไปกับโฆษณา 30 วินาที ในช่วงที่มีการแข่งขันรายการ ซูเปอร์ โบวล์ 

นอกจากนี้ Temu ยังมีส่วนผลักดันให้ พีดีดี โฮลดิ้ง กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าตามราคาตลาดสูงที่สุด ในบรรดาอีคอมเมิร์ซจีน เบียดแซงหน้ายักษ์ใหญ่จากชาติเดียวกัน อย่าง อาลีบาบา ได้เมื่อปลายปี 2566 แต่จากข้อมูลล่าสุด พบว่าลงมาอยู่ในอันดับ 2 รอง อาลีบาบา แล้ว ด้วยมูลค่าตามราคาตลาดที่ 177,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนอาลีบาบา มีมูลค่า 186,380 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ